กรุงเทพฯ--24 มี.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
TAKUNI ส่งบริษัทย่อย ทาคูนิ (ประเทศไทย) ร่วมทุน ซี เอ แซด (ประเทศไทย) หวังรับงานก่อสร้างเพิ่ม ตั้งเป้ารายได้รวมปี 58 แตะ 1.4 พันล้านบาท คาดกำไรปี 58 โตเพิ่มกว่า100%
นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาคูนิกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าร่วมทุนในบริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการรับเหมาก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากเป็นพิเศษในการดำเนินการก่อสร้างประเภทน้ำมันและก๊าซ ผ่านทางบริษัท ทาคูนิ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TT ที่ TAKUNI ซึ่งเป็นบริษัทแม่ถือหุ้นอยู่ 99.99% โดย TT ได้เข้าร่วมทุนในบริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด คิดเป็นมูลค่า 26.01 ล้านบาท ในสัดส่วน 47.72% ของทุนจดทะเบียนภายหลังเพิ่มทุนแล้ว จากทุนจดทะเบียนเดิมของบริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด ที่เรียกชำระแล้ว 28.50 ล้านบาท” นางสาวนิตา กล่าว
“การเข้าร่วมทุนในบริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัดในครั้งนี้ เกิดจากความตั้งใจที่จะแสวงหาความร่วมมือจากบริษัทฯ ด้านการก่อสร้าง ที่จะช่วยต่อยอดงานก่อสร้างด่านน้ำมันและก๊าซ และงานเกี่ยวเนื่องอื่นๆของบริษัททาคูนิ (ประเทศไทย) จำกัด ให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากการเข้าร่วมทุนในบริษัท บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัดแล้ว การศึกษาลงทุนในด้านอื่นๆ ก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะการลงทุนด้านพลังงานทดแทน ที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจ และกำลังมองหาที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ FA เพื่อที่จะดำเนินการด้านธุรกิจพลังงาน ” นางสาวนิตากล่าว
นางสาวนิตา กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทฯ กำลังอยู่ในช่วงศึกษาการดำเนินการธุรกิจ โดยวิธีการดำเนินการ เบื้องต้นมีแนวโน้มที่จะเป็นไปในแนวทางของการเข้าซื้อกิจการ มากกว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นมาใหม่เอง เนื่องจากการเข้าซื้อกิจการที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว จะทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ที่มีเข้ามาได้ทันที
“รายได้ปี 2558 นี้ คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตขึ้นมากกว่าปี 2557 อยู่ที่ 100% เนื่องจากบริษัทฯ มีงานก่อสร้างที่มีมูลค่าโครงการสูงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้ในสิ้นปี 2558 นี้จะอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีรายได้สุทธิอยู่ที่ 1.21 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 27.18 ล้านบาทส่วนแผนการดำเนินงานในปี 58 นี้ บริษัทฯ จะเน้นการขยายงานด้านก่อสร้างมากขึ้น เนื่องจากอัตรากำไรมีมากถึง 15-20% เมื่อเทียบกับการจำหน่ายก๊าซ ที่มีกำไรเพียง 5-6% อีกทั้งการจำหน่ายก๊าซในปัจจุบัน เป็นไปค่อนข้างต่ำ เนื่องจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง” นางสาวนิตากล่าว
นางสาวนิตา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีงานรับเหมาก่อสร้างคลังจัดเก็บก๊าซ มูลค่ากว่า 165 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง และเริ่มรับรู้รายได้นับจากไตรมาส 2 ของปี 58นี้ และนอกจากนั้น ยังสามารถรับรู้รายได้ จากการก่อสร้างคลังก๊าซโครงการแรกได้ ภายในไตรมาสแรกของปีนี้อีกประมาณ 10 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 137 ล้านบาทอีกด้วย