กรุงเทพฯ--25 มี.ค.--ทีเส็บ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บเปิดเกมรุกการตลาดออนไลน์ พัฒนาเว็บท่าอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าเว็บองค์กรไมซ์ชั้นนำของโลก และพัฒนาแอพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ เอื้อนักเดินทางธุรกิจและผู้จัดงานไมซ์เข้าถึงข้อมูลง่ายยิ่งขึ้น พร้อมผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน 4 หน่วยงาน ต่อยอดแคมเปญ Spice Up Your Business Agenda ปี 2 เจาะตลาดไมซ์ต่างประเทศผ่านสื่อออนไลน์หวังเพิ่มจำนวนและการใช้จ่ายของนักเดินกลุ่มทางไมซ์
นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการทีเส็บเปิดเผยว่า “ปีนี้ทีเส็บมีแผนพัฒนาต่อยอดการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยผ่านการส่งเสริมตลาดออนไลน์ดำเนินการสานต่อ 3 แผนงานหลักได้แก่ แผนงานพัฒนาเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลการจัดงานไมซ์ครบวงจร โดยพัฒนาเว็บท่าขององค์กรให้มีความทันสมัยมีมาตรฐานและประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเว็บไซต์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านไมซ์ชั้นนำของโลกเพื่อนำเสนอข้อมูลสินค้าและบริการของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยต่อกลุ่มเป้าหมายและส่งเสริมการพัฒนาตลาดเชิงรุกเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในยุคข้อมูลข่าวสารและสื่อออนไลน์โดยการเพิ่มภาษาที่ใช้ในเว็บไซท์จากเดิม 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และ จีน เป็น 8 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ไทย จีน ญี่ปุ่นเกาหลี อินโดนีเซีย รัสเซียและเวียดนาม เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักพร้อมพัฒนา Mobile Application ของเว็บไซต์ทีเส็บผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่แบบ Smartphone/Tablet เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีส่วนช่วยเหลือและบริการผู้ใช้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านไมซ์ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น”
แผนงานการจัดทำสื่อการตลาดและการขายแบบดิจิตอล ในการพัฒนาสื่อออนไลน์สนับสนุนงานด้านการประชาสัมพันธ์และการขายในรูปแบบสื่อประชาสัมพันธ์ดิจิตอลสื่อการขายดิจิตอลประกอบด้วย Blog Digital Brochure, ภาพถ่าย/วีดีทัศน์เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมไมซ์ของไทย, PowerPoint presentation, sale kit online เพื่อสนับสนุนงานการตลาดออนไลน์ของอุตสาหกรรมไมซ์ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในเวลาอันรวดเร็ว
และแผนงานกิจกรรมการตลาดประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์การจัดทำกิจกรรมการตลาดประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์เน้นการสร้างภาพลักษณ์และการรับรู้ศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางแห่งไมซ์ให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความเชื่อถือและมีความมั่นใจในการเดินทางมาจัดงานในประเทศไทยโดยมีแผนการโปรโมทแคมเปญการตลาดออนไลน์ของปี 2558 ในกิจกรรมการตลาดต่างประเทศของทีเส็บที่กำหนดจัดในประเทศกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ ถือเป็นการบูรณาการกิจกรรมการตลาดแบบดั้งเดิมและแบบดิจิตอลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายนพรัตน์ กล่าวต่อไปว่า “แคมเปญการตลาดออนไลน์ไฮไลท์ในปีนี้ ทีเส็บได้ร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย์และ บริษัทวีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนลเอเซีย-แปซิฟิคแอลแอลซีเปิดตัวแคมเปญ Spice Up Your Business Agenda 2015 ปีที่ 2 ซึ่งมีการเชื่อมต่อกับสื่อสังคมออนไลน์ในช่องทางต่างๆภายใต้แนวคิด “Social Connectivity” เพื่อขยายการสื่อสารแคมเปญในวงกว้างมากยิ่งขึ้นพร้อมนำเสนอสิทธิพิเศษของสินค้าและบริการที่น่าสนใจอาทิส่วนลด 50% สำหรับที่พักบริการรถเช่าและบริการรถรับ-ส่งสนามบินและสนามกอล์ฟรวมถึงการรับคูปองเงินสด 500 บาทเมื่อใช้จ่ายครบ 5,000 บาทเป็นต้นเพื่อดึงนักเดินทางกลุ่มไมซ์เข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นพิเศษสำหรับปีนี้มีการเสริมโปรแกรม Meeting Package รวมห้องประชุมห้องจัดเลี้ยงที่พักและโปรแกรมแพ็คเกจฟื้นฟูสุขภาพในราคาจูงใจโดยขยายกลุ่มเป้าหมายไมซ์ครอบคลุมทั้งกลุ่มผู้เข้าร่วมงานประชุมและร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติรวมถึงกลุ่ม VISA Commercial Card ในประเทศไทย”
พร้อมกันนี้ ยังนำเสนอสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับกลุ่มประเทศเป้าหมายหลักและขยายสิทธิพิเศษของสินค้า/บริการไปยังเมืองไมซ์และเมืองท่องเที่ยวหลักที่มีศักยภาพเช่นหัวหินสมุยเพื่อเพิ่มความประทับใจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับนักเดินทางกลุ่มไมซ์กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยมากขึ้นหลังจากที่แคมเปญดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มเป้าหมายในปีที่ผ่านมาโดยสามารถสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมดกว่า 1 ล้านการรับรู้ มีปริมาณการดาวน์โหลด e-coupon Spice up your business agenda ประมาณ 7,000 ครั้ง และรับPrivilege Coupon Booklet ที่จุดลงทะเบียนเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติกว่า 30,000 ชุด
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ ผู้อำนวยการสำนักพาณิชย์ดิจิตอล กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “แคมเปญSpice Up Your Business Agenda ที่มอบสิทธิพิเศษและส่วนลดของสินค้าและบริการต่างๆแก่ นักเดินทางกลุ่มไมซ์จะสร้างสีสันความประทับใจและดึงดูดนักธุรกิจต่างประเทศที่จะเดินทางหรือกำลังจะตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้นซึ่งเป็นการช่วยเสริมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นอย่างดี โดยในแต่ละปีกรมฯมีการจัดกิจกรรมที่จะนำนักธุรกิจต่างประเทศเป็นจำนวนมากเดินทางมาประเทศไทยเพื่อพบปะเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการไทยผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น งานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศ คณะผู้แทนการค้าสินค้าและบริการ ดังนั้นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยินดีที่จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมนี้ผ่านช่องทางต่างๆของกรมฯทั้ง offline และ online รวมทั้งผ่านสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศที่มีอยู่กว่า 60 แห่งทั่วโลก”
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวถึงประโยชน์ของแคมเปญนี้ที่จะมีต่ออุตสาหกรรมไมซ์และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยว่า “กลุ่มนักเดินทางไมซ์เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มองหาทริปการเดินทางเชิงธุรกิจและเพิ่มสีสันด้วยกิจกรรมเชิงพักผ่อนเพื่อให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์มีประสบการณ์ที่ดีและน่าประทับใจในประเทศไทย นักเดินทางกลุ่มไมซ์มีกำลังใช้จ่ายสูง การจับจ่ายใช้สอยของนักเดินทางกลุ่มนี้นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางมางานประชุมหรืองานแสดงสินค้าแล้วยังมีค่าใช้จ่ายจากกิจกรรมสันทนาการต่างๆด้วย และ ททท. มุ่งหวังที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มนี้ ในฐานะที่ททท. เป็นพันธมิตรหลักของแคมเปญนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันมีความเห็นว่าแคมเปญนี้ช่วยส่งเสริมประเทศไทยในฐานะเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ที่ดีที่สุดในโลกที่สามารถผสมผสานแผนการเดินทางเชิงธุรกิจเข้ากับกิจกรรมเชิงพักผ่อนได้เป็นอย่างดีโดยแคมเปญนี้นำเสนอสิทธิพิเศษของสินค้าและบริการที่อำนวยความสะดวกให้นักเดินทางไมซ์เพื่อดึงดูดนักเดินทางไมซ์เข้าประเทศไทยมากขึ้นและช่วยให้ขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยจากการใช้เวลาท่องเที่ยวพักผ่อนหลังจากเสร็จสิ้นทริปเดินทางธุรกิจ ททท. เล็งเห็นว่า ‘Spice Up Your Business Agenda’ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมไมซ์เท่านั้นแต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวมด้วย”
นายชุตินธร ศรีสิทธิกรรม ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ดิจิทัล บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า“ในฐานะของสายการบินแห่งชาติการบินไทยให้ความสำคัญและสนับสนุนในเรื่องของการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรทีเส็บเพื่อสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดออนไลน์ร่วมกันโดยมีจุดประสงค์ที่จะให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างผ่านออนไลน์แคมเปญในแง่ของความพร้อมที่จะรองรับการจัดประชุมและมีสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจรโดยการบินไทยมีเส้นทางหลากหลายทั้งในและต่างประเทศที่สามารถรองรับความต้องการของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากทั่วทุกมุมโลกได้ซึ่งการบินไทยพร้อมให้บริการกลุ่มนักเดินทางในหลายเส้นทางและเที่ยวบินเพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยให้กลุ่มนักเดินทางไมซ์เลือกแผนการเดินทางให้เหมาะสมกับกำหนดการเดินทางเชิงธุรกิจได้สำหรับการร่วมมือกับทีเส็บในแคมเปญนี้การบินไทยมั่นใจว่าสิทธิพิเศษของราคาบัตรโดยสารระหว่างประเทศจะเป็นการดึงดูดนักเดินทางไมซ์ให้ได้สัมผัสประสบการณ์ทริปเดินทางอันน่าจดจำตั้งแต่ก่อนเดินทางมาถึงประเทศไทยจนกระทั่งออกจากประเทศไทยเป็นการเปิดโอกาสให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ได้สัมผัสความเป็นไทยผ่านการบริการอันดีเลิศระดับสากลจากสายการบินไทยซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ”
นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย บริษัท วีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล เอเซีย-แปซิฟิค แอลแอลซี กล่าวว่า “อำนาจการจับจ่ายของลูกค้ากลุ่มธุรกิจไมซ์นั้น ทางวีซ่ามีข้อเสนอและสิทธิพิเศษมากมายที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับนักเดินทางกลุ่มธุรกิจที่จะช่วยเติมเต็มวัตถุประสงค์ของแคมเปญ Spice Up Your Business Agenda 2015 ของทีเส็บได้เป็นอย่างดีจากในปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นตอบรับความต้องการของนักเดินทางกลุ่มธุรกิจนานาชาติที่เข้าร่วมกิจกรรมธุรกิจต่างๆในประเทศไทย แต่ในปีนี้ข้อเสนอของเราจะครอบคลุมผู้ถือบัตรกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรือกลุ่มองค์กรด้วย โดยสิ่งที่วีซ่าได้มอบให้แก่แคมเปญนี้ก็คือศักยภาพในการเข้าถึงผู้ถือบัตรเครดิตวีซ่าหลายล้านคนทั่วโลกยกตัวอย่างเช่นในปีที่แล้วทางเราได้โปรโมทสิทธิประโยชน์ของรายการนี้ในประเทศจีนและญี่ปุ่นซึ่งได้รับผลการตอบรับข้อเสนอที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับตัวอย่างของข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรในปีนี้ได้แก่ส่วนลดที่มากถึง 54% ที่สามารถใช้ได้กับโรงแรม ร้านอาหาร สปา สนามกอล์ฟ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอื่นๆที่เข้าร่วมรายการ”
“ปัจจุบันการทำตลาดออนไลน์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของทีเส็บคือนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างประเทศซึ่งกระจายอยู่ทั่วโลก โดยการตลาดออนไลน์จะทำให้เกิดการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ และช่วยส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างทีเส็บ ผู้ประกอบการไมซ์ไทย กลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งผู้จัดงานไมซ์และนักเดินทางกลุ่มไมซ์ ในการสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมตลาดต่างๆ ได้อย่างมีพลัง เพื่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยไปสู่เป้าหมายปีนี้ ด้วยมีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ 1,036,คน คิดเป็นรายได้ 106 106,780 ล้านบาท” นายนพรัตน์ กล่าวสรุป