กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ หรือ QTC?ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์รุกขยายตลาดญี่ปุ่น รับอานิสงค์แผนโครงการลงทุนโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ พร้อมดันเป้ายอดขายปี 58 ไม่ต่ำกว่า 1,000 ลบ. เพิ่มจากปีก่อน 30% ด้าน ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ “ พูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ”ระบุกำลังการผลิตเต็มเปี่ยมทั้งด้านเครื่องจักรและบุคลากร เผยสนใจขยายธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการร่วมกับบมจ.ยูเอซีโกบอล(UAC)
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทคิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้า เปิดเผยถึงทิศทางแผนการดำเนินงาน ในปี 2558 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะมียอดขายเติบโตอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณกว่า 30%
เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมทั้งด้านของบุคลากรและด้านเครื่องจักร ที่จะผลักดันให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุดและทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ยังมีแผนรองรับการผลิตเพิ่ม โดยบริษัทฯ ได้ลงทุนขยายกำลังการผลิต ตั้งแต่ ปี 2556 จนถึง 2557 ซึ่ง ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตที่พร้อมรับยอดขายได้เพิ่มถึงระดับ 1,500 ล้านบาทแล้ว ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการขยายศักยภาพกำลังการผลิตในข้างต้น จะส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการรองรับงานใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับกลยุทธ์ในการขยายตลาดหม้อแปลงไฟฟ้านั้น บริษัทฯ เตรียมแผน ที่จะขยายกลุ่มลูกค้าเอกชน และกลุ่มส่งออก โดยบริษัทได้ขยายกลุ่มลูกค้าส่งออกไปที่ประเทศญี่ปุ่น ได้รับอานิสงค์จากแผนโครงการลงทุนโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ทำให้ QTC มีโอกาสที่จะส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อรองรับความต้องการใช้หม้อแปลงไฟฟ้า
ส่วนปัจจุบัน ลูกค้าของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 1. กลุ่มรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ 2. กลุ่มเอกชน 3. กลุ่มส่งออก ทั้งนี้ประมาณการสัดส่วนรายได้บริษัทฯปีนี้ โดยแบ่งเป็นงานภาครัฐประมาณ 30-35 % งานภาคเอกชนประมาณ 40-50 % งานส่งออกประมาณ 15-20% งานบริการ ประมาณ15-20 %
ทั้งนี้ นอกจาก QTC จะเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าแล้ว บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายไปธุรกิจอื่น ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ มีความสนใจขยายธุรกิจ เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชีวมวล ประกอบกับขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ร่วมกับ บมจ.ยูเอซี โกบอล (UAC)
สำหรับการแข่งขันอุตสาหกรรมหม้อแปลไฟฟ้าว่า ในปี 2558 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยได้รับแรงส่งของการใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านการคมนาคมขนส่ง การลงทุนของรัฐวิสาหกิจ การลงทุนภาครัฐจากโครงการรถไฟฟ้าสีต่างๆ รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่สูงขึ้น จะส่งผลให้อุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าเติบโตขึ้นจากปีก่อน
นายพูลพิพัฒน์ กล่าวถึง แนวโน้มธุรกิจพลังงานว่า เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อทุกๆภาคส่วน ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยตัวเลขที่น่าสนในใจคือ ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย และประเทศอาเซียน ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เป็นกลุ่มประเทศที่ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยร้อยละ 32 ของความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในโลกจะมาจากภูมิภาคเอเชีย และกลุ่มประเทศอาเซียน
ปัจุบันอัตราการใช้พลังงานภายในประเทศเองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนประชากร โดยในส่วนของภาครัฐได้ออกมาผลักดันเรื่องพลังงานทดแทน เพื่อขยายฐานการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อภาคประชาชนที่มีแนวโน้มการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการรองรับการเปิดสมาคมอาเซียนในเร็ววันนี้ ทำให้ในส่วนของธุรกิจด้านพลังงานนั้นสามารถเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน