กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--พีอาร์ดีดี
กลุ่มไทคอนประกาศความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ามายาวนานกว่า 25 ปี ชูคอนเซ็ปท์ “Always One Step Ahead” สะท้อนวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม พร้อมประกาศ แผนการลงทุน 5 ปี มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท ลุยขยายพื้นที่โรงงานของ TICON และคลังสินค้าของ TPARK ในไทย-อินโดนีเซีย-พม่า-เวียดนาม พร้อมใช้แนวทางการออกแบบอาคารเขียวมาตรฐานสากลในการสร้างโรงงานและคลังสินค้าเพื่อ อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า “ปี 2558 นี้ เป็นวาระครบรอบ 25 ปีที่ไทคอนได้ดำเนินธุรกิจพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าคุณภาพสูงจากจุดเริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท ปัจจุบันไทคอนมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 8,443 ล้านบาท มีขนาดสินทรัพย์รวม 31,209 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 31/12/2557) สะท้อนถึงการเติบโตในธุรกิจของกลุ่มไทคอนอย่างมีศักยภาพและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า TICON มีหลักการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Always One Step Ahead ซึ่งหมายถึงการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่ก้าวล้ำนำหน้าเสมอ และพิสูจน์ได้จากความสำเร็จที่ผ่านมา TICON เป็นผู้นำในการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าแบบครบวงจรรายแรกของไทย ในส่วน TPARK ก็เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจโลจิสติกส์พาร์ค แห่งแรกในประเทศไทย และเป็นบริษัทแรกที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI ให้ดำเนินธุรกิจประเภทนี้อย่างเป็นทางการ และบริษัทน้องใหม่ในกลุ่มบริษัทไทคอน TMAN เป็นบริษัทในกลุ่ม Non-Financial ที่ได้รับการอนุมัติจากกลต.ให้ดำเนินธุรกิจ REIT Manager เป็นรายแรกของประเทศไทยเช่นกัน
ปัจจุบัน กลุ่มไทคอนมีโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ารวมทั้งสิ้น 50 โครงการ จำนวน 707 ยูนิต พื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวม 2.2 ล้านตารางเมตร บนที่ดิน 3,100 ไร่ มูลค่าโครงการทั้งสิ้นรวม 35,528 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโรงงานสำเร็จรูปของ TICON จำนวน 18 โครงการ พื้นที่รวม 1.1 ล้านตารางเมตร และคลังสินค้าคุณภาพสูงของ TPARK ทั้งแบบ Ready Built และ Built to Suit รวม 32 โครงการ มีพื้นที่รวมกว่า 1.1 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ กลุ่มไทคอนยังมีที่ดินที่พร้อมพัฒนาอีกกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งเมื่อทำการพัฒนาก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าแล้วเสร็จ จะทำให้มีพื้นที่รวมเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2.5 ล้านตารางเมตร โดยในปี 2557 กลุ่มไทคอนมีรายได้รวม 5,856 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 761 ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มไทคอนวางแผนการลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2558 – 2562) ภายใต้งบประมาณกว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อรุกขยายพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะ ประเทศในแถบอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ และเวียดนาม เป็นต้น
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของกลุ่มไทคอนในปี 2558 นี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในประเทศไทยรวม 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น TICON 1,500 ล้านบาท และ TPARK 4,500 ล้านบาท โดยในส่วนของ TICON ตั้งเป้าการเติบโตของพื้นที่ให้เช่าของโรงงาน จำนวน 100,000 ตารางเมตร คิดเป็นอัตราเติบโตประมาณร้อยละ 10 จากปี 2557 โดยยังคงรักษาฐานกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากต่างประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้ TICON ยังพัฒนารูปแบบโรงงานขนาดเล็ก (Mini Factory) พื้นที่ 500 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น สำหรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ เลือกลงทุนพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศแรก และคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงสัญญาร่วมพันธมิตรภายในเดือนเมษายนนี้ ทั้งนี้คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
นายวีรพันธ์ยังกล่าวถึงแผนการระดมทุนจากการขายโรงงานและคลังสินค้าในกลุ่มไทคอนเข้ากอง TREIT มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนแปลงกองอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มไทคอนที่ปัจจุบันมี 3 กอง ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์รวมกันประมาณ 22,951.2 ล้านบาท เข้ากอง TREIT เพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งนี้อยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องภาษีการแปลงกองจากรมสรรพากรเท่านั้น
ด้านนายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK กล่าวเสริมว่า “ในส่วนการดำเนินงานของ TPARK บริษัทตั้งเป้าขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 250,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นอัตราเติบโต กว่าร้อยละ 20 จากปี 2557 แบ่งเป็นคลังสินค้าแบบ Ready Built หรือพร้อมใช้ร้อยละ 50 และคลังสินค้าแบบ Built to Suit ที่เป็นการพัฒนาตามความต้องการใช้งานของลูกค้าเฉพาะราย ร้อยละ 50 โดย TPARK ยังคงยึดมั่นในจุดแข็งเรื่อง Availability หรือความพร้อมใช้ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าอย่างรอบด้าน และรองรับความต้องการได้ทันที โดยเฉพาะความพร้อมใช้ของที่ดินซึ่งบริษัทมีที่ดินพร้อมพัฒนาเตรียมไว้พร้อมสำหรับการพัฒนาในทุกทำเลศักยภาพตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทำเลในย่านบางพลี บางนา วังน้อย แหลมฉบัง ศรีราชา ตลอดจนทำเลยุทธศาสตร์ในจังหวัดขอนแก่น ลำพูน และสุราษฎร์ธานี ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโมเดิร์นเทรด ซึ่งกำลังขยายฐานไปยังภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ
“โครงการ TPARK ขอนแก่น อยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้าในเฟสแรก มีขนาดพื้นที่ให้เช่า 10,000 ตารางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะที่โครงการ TPARK ลำพูน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดบริการในไตรมาส 4 สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในประเทศแถบอาเซียนนั้นTPARK ได้เจรจาร่วมทุน กับพันธมิตรเพื่อพัฒนาคลังสินค้าโดยโครงการแรกจะมีขนาดพื้นที่ให้เช่า 146,000 ตารางเมตร ที่ประเทศอินโดนีเซีย ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มพัฒนาโครงการอย่างเป็นรูปธรรมได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2558 นี้แน่นอน” นายปธาน กล่าว
นอกเหนือจากการเดินหน้าขยายพื้นที่ของโรงงานและคลังสินค้าให้เติบโตอย่างมีศักยภาพแล้ว กลุ่มไทคอนยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของโรงงานและคลังสินค้าอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยล่าสุดกลุ่มไทคอนได้นำมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) หรือเกณฑ์ประเมินความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของอาคารหรือสิ่งก่อสร้างที่ได้รับการยอมรับและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุดทั่วโลกมาเป็นเกณฑ์ในการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าของบริษัทให้เป็นโรงงานและคลังสินค้าสีเขียว หรือ Green Factories and Warehouses โดยให้ความสำคัญตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกที่ตั้ง การออกแบบ การก่อสร้างอาคาร การใช้งานอาคาร การบำรุงรักษา เป็นต้น เพื่อลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งน้ำ อากาศ และหน้าดิน ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมเพราะลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดปริมาณขยะ ลดค่าใช้จ่ายในระหว่างใช้อาคาร
TICON ได้เริ่มพัฒนาโรงงานสีเขียว (Green Factories) อาคารแรกในนิคมอุตสาหกรรมเอเชียสุวรรณภูมิ บนพื้นที่ขนาด 3,000 ตร.ม. ในขณะที่ TPARK ได้เริ่มพัฒนาคลังสินค้าสีเขียว (Green Warehouses) อาคารแรกที่โครงการ TPARK วังน้อย 2 บนพื้นที่ขนาด 25,000 ตร.ม. เป็นโครงการนำร่อง และคาดว่าอาคารทั้ง 2 แห่งจะได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED ในระดับ Cetified จาก United States Green Building Council หรือ USGBC หรือสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้ TPARK เป็นบริษัทแรกในธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าที่ผ่านมาตรฐานเกณฑ์ระดับโลกนี้
กลุ่มไทคอนมีความมั่นใจว่า ธุรกิจของแต่ละบริษัทในกลุ่มฯนั้นเป็นกลไกขับเคลื่อนและสนับสนุนการดำเนินงานซึ่งกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ และสามารถครองความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศต่อไป