กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ครบรอบ ๒๕ ปี ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ทุ่มเงินลงทุนกว่า ๓๐ ล้านบาท สร้างสรรค์ละครเวที เรื่อง “รอยดุริยางค์ เดอะ มิวสิคัล” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์อุปถัมภ์ดนตรีไทย และเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๓๐ ปี ที่คนไทย ๑๙ คน เดินทางไปเล่นดนตรีไทย โดยการเชิญจากรัฐบาลอังกฤษ ให้ไปแสดงในงานมหกรรมแสดงสินค้าและดนตรีนานาชาติ ซึ่งมีขึ้น ณ กรุงลอนดอนใน พ.ศ. ๒๔๒๗ - ๒๔๒๘ ซึ่งละครเวทีเรื่องนี้จะมีเนื้อหาส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของไทย อีกทั้งยังทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกรัก หวงแหน และภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของชาติ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๐-๒๕ ส.ค. นี้
นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ผู้นำตลาดอีเว้นท์ในภูมิภาคอาเซียน บริษัทอีเว้นท์อันดับ 7 ของโลก กล่าวว่า “ในโอกาส ครบรอบ 25 ปีของอินเด็กซ์ฯ จึงได้สร้างสรรค์ละครเวทีฟอร์มใหญ่ ซึ่งงานด้านโชว์ บิซ (Show Biz) ถือเป็น 1 ใน 9 กลุ่มธุรกิจของอินเด็กซ์ฯ ที่นอกเหนือจากงานครีเอทีฟอีเว้นท์ โดยในปีนี้นับเป็นปีมงคล เนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์อุปถัมภ์ดนตรีไทย และประจวบเหมาะกับโอกาสครบรอบ ๑๓๐ ปี ที่คนไทย ๑๙ คน เดินทางไปเล่นดนตรีไทยจากการเชิญโดยรัฐบาลอังกฤษให้ไปแสดงในงานมหกรรมแสดงสินค้าและดนตรีนานาชาติ ซึ่งมีขึ้น ณ กรุงลอนดอนใน พ.ศ. ๒๔๒๗ - ๒๔๒๘ อินเด็กซ์ฯ จึงได้สร้างสรรค์ละครเวที “รอยดุริยางค์ เดอะ มิวสิคัล” ขึ้น” โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ อยากให้คนรุ่นใหม่ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะดนตรีไทย อันเป็นเอกลักษณ์ และรากเหง้าที่บรรพบุรุษเคยนำมาเป็นเกราะปกป้องเอกราชไว้เพื่อลูกหลาน อยากเห็นพ่อแม่ชวนลูกหลาน หรือลูกพาพ่อแม่มาชมละครเวทีเรื่องนี้ไปด้วยกัน นอกจากจะสร้างให้เกิดความรู้สึกรัก หวงแหน และภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของชาติแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว”
“เนื่องด้วยเนื้อเรื่องของละครเวที “รอยดุริยางค์ เดอะ มิวสิคัล” บางส่วน ได้อ้างอิงจากเกร็ดประวัติศาสตร์ในการหวนคืนสู่บรรยากาศ ณ กาลก่อนเมื่อ ๑๓๐ ปีที่ผ่านมา ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ในปีพุทธศักราช ๒๔๒๗ (ค.ศ. ๑๘๘๔) เมื่อนักดนตรีไทยส่วนใหญ่เป็นครูเพลงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยนั้นรวม ๑๙ คน เดินทางไปเล่นดนตรีไทยที่ประเทศอังกฤษ ซึ่ง ณ เวลานั้น อังกฤษ คือประเทศมหาอำนาจของโลก ที่มีดินแดนภายใต้การปกครองอื่นๆ กระจายอยู่ไปทั่วโลก จนได้รับการขนานนามว่า “ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน (The sun never set in the British Empire) โดยได้รับการสนับสนุนจากสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ วงศ์วรเดช หรือ สมเด็จวังบูรพาเป็นผู้ส่งไป เนื่องจากถูกเชิญโดยรัฐบาลอังกฤษเพื่อให้ไปแสดงในงานมหกรรมแสดงสินค้าและดนตรีนานาชาติ ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย คือ วัฒนธรรมค้ำเอกราช หรือการประกาศเอกราชแห่งอารยะสยามประเทศ ด้วยศาสตราวุธของนักดนตรีทั้ง ๑๙ คนได้แสดงฝีมือทางดนตรีไทยต่อหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระราชินีนาถ วิคตอเรีย ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ชาติมหาอำนาจของโลกเห็นถึงความมีอารยะและศิวิไลซ์ของสยามประเทศ จนอังกฤษมิอาจใช้เป็นข้ออ้างในการยึดครองเป็นเมืองขึ้นได้
“และด้วยลายมือที่เป็นเอกลักษณ์ของอินเด็กซ์ฯ ในการสร้างสรรค์ละครเวที หลังจากได้ฝากฝีไม้ลายมือที่แตกต่าง และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมละครเวที ๓ เรื่อง ๓ สไตล์ มาตั้งแต่เรื่องแรกอย่าง “รักเธอเสมอ เดอะมิวสิคัล” “แม่เบี้ย ดิ อีโรติก อาร์ต มิวสิคัล” และ “มนตร์ดำคอมเพล็กซ์” และพร้อมโชว์ฝีมือการสร้างสรรค์เรื่องที่ ๔ กับสุดยอดละครเวทีโปรเจคประวัติศาสตร์ “รอยดุริยางค์ เดอะ มิวสิคัล” สืบเอกราชสยาม ฟื้นตำนานคีตชน ที่จะพาทุกท่านย้อนรอยกลับไปสู่ช่วงเวลาอันน่าภาคภูมิใจของคนไทยเมื่อ ๑๓๐ ปีผ่านมา นอกเหนือจากความเข้มข้นของบทละคร ฝีไม้ลายมือ และการแสดงของนักแสดงมืออาชีพหลายท่านแล้ว ที่สำคัญก็คือ การผสมผสานกับ เทคนิค ระบบไลฟ์มัลติมีเดียตระการตา ฉาก แสง เสียง ที่สมบูรณ์ครบถ้วนในทุกมิติ เพื่อเพิ่มอรรถรสของการชมละครเวทีมากยิ่งขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และพันธมิตรหลัก ได้แก่ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วยเงินลงทุนกว่า 30 ล้านบาท” นายเกรียงกานต์กล่าว
“รอยดุริยางค์ เดอะมิวสิคัล” สืบเอกราชสยาม ฟื้นตำนานคีตชน สร้างสรรค์โดย บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กำกับการแสดงโดย ต้อ มารุต สาโรวาท เขียนบทโดย สนธยา สุชฎา ถ่ายทอดโดยนักร้องนักแสดงคุณภาพอย่าง แบงค์ แคลช, โบว์ สาวิตรี(AF), นัททิว(AF) , เก่ง The voice, แอน นันทนา บุญหลง ซึ่งจะเปิดการแสดงเพียง ๕ วัน เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ ๒๐-๒๕ ส.ค. ๒๕๕๘ (จำนวน ๑๐ รอบ) บัตรราคา ๕๐๐-๒,๘๐๐ บาท ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จำหน่ายบัตรที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร.02-262-3456 หรือ www.thaiticketmajor.com