กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ชนวนศึกสงครามที่ยังคงดำเนินต่อภายหลังการสิ้นสุดมหาศึกคชยุทธ์ของ 2 แผ่นดินใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคยุทธหัตถี ที่หลายคนอาจะลืมไปแล้วว่า กว่าแผ่นดินอยุธยาจะร่มเย็นสืบเนื่องมาอีกเกือบ 200 ปี นับได้ราว3ชั่วอายุคน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมด้วยเหล่าสหายศึกบรรพชนผู้หาญกล้า ยังคงต้องเสียสละเลือดเนื้อไปอีกสักเท่าไหร่ ในขณะที่ยังทรงต้องรับมือกับการก้าวขึ้นมาเรืองอำนาจของเหล่าอาณาจักรต่างๆ ที่พร้อมท้าทายอโยธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดพลิกผันครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของการถ่ายเทอำนาจ จากหงสาวดีที่เคยรุ่งเรืองอย่างถึงขีดสุดถึงกลับมาล้มสลายหายไปจากพุกามประเทศ
ใน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” ภาคปิดส่งท้ายตำนานอันยิ่งใหญ่ขององค์พระมหากษัตริย์ยอดนักรบ โดยมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย ผู้ชมจะได้พบกับการขึ้นมาเรืองอำนาจของ เกตุมวดีตองอู อีกหนึ่งอาณาจักรที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคนี้ พร้อมกับตัวละครใหม่ๆ อย่าง เมงเยสีหตู (นิรุตต์ ศิริจรรยา) ผู้ครองอาณาจักรตองอู ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระอนุชาร่วมบิดาบุเรงนองผู้ชนะสิบทิศ เฉกเช่นเดียวกันกับพระเจ้านันทบุเรง พร้อมพระนางเมงเกงสอ พระมเหสี (รัชนี ศิระเลิศ) ผู้เต็มไปด้วยเล่ห์กลอุบายอันแยบยล และราชบุตรที่พร้อมจะขึ้นมาเป็นใหญ่อย่าง นัดจินหน่อง (นาวาอากาศโทจงเจต วัชรานนท์) โดยมีมหาเถรเสียมเพรียม (สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์) ซึ่งเปรียบได้กับพระมหาเถรคันฉ่อง ผู้รอบรู้ทั้งเรื่องการศึกการสงคราม การมองการณ์ไกล คอยผลักดันให้ตองอูขึ้นมาทัดเทียมและอยู่เหนือหงสาวดี อันนำไปสู้ศึก 3 เส้าที่เกี่ยวโยงกับ แผ่นดินอโยธยา,หงสาวดีและตองอู ที่ส่งผลให้สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ พร้อมไพร่พลอโยธยาต้องออกกรำศึกต่อเนื่อง นำไปสู่การยกพลเข้าบุกตีอาณาจักรตองอูในเวลาต่อมา ก่อให้เกิดกลยุทธ์การทำศึกสงครามในเชิงรุกของฝั่งไทย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วอโยธยาจะเป็นฝ่ายตั้งรับศึกจากพม่าแทบทั้งสิ้น สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นกษัตริย์นักรบที่มีความเต็มเปี่ยมในหัวใจทั้ง มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และกล้าหาญ ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงรู้ว่าการศึกครั้งนี้มีอุปสรรคมากมาย
“เราจะได้เห็นความเข้มแข็งของอยุธยาภายใต้การปกครองของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของพระองค์อันเป็นศูนย์นำจิตใจของคนสมัยนั้น ทำให้บ้านเมืองมีความเข้มแข็ง การเดินทัพของพระองค์จากอยุธยาไปไกลถึงหงสา เป็นครั้งแรกที่เราไปเหยียบหงสา แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะเห็นพระองค์ได้เดินทัพไปรบอีกหลายศึก ในภาค 6 ไปรบกับตองอู รบกับเมาะตะมะ จะเห็นถึงในแง่ของการปกครองว่าทำไมพระองค์ถึงต้องทำแบบนั้น เพื่อความเป็นเอกราช และความคงอยู่อย่างมีความสุขของประชากรในอยุธยานั่นเองนะครับ การยกทัพขึ้นไปครั้งนั้นเป็นการยกทัพไปโดยที่พระองค์ไม่ได้เตรียมเสบียงอาหาร หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ การขึ้นไปจึงทุลักทุเลด้วยความยากลำบากของเส้นทางที่ไป ความที่มันเป็นป่าและมีโรคไข้ป่ามากมาย ทำให้ทหารของพระองค์เกิดล้มป่วย เจ็บตายกันมากทั้งการรบที่ยากลำบากอยู่แล้ว แถมซ้ำยังต้องมาเผชิญกับพวกกลุ่มชนอื่นๆ อย่างยะไข่ที่มาคอยตีตัดเสบียงเราอีก เราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่เราเรียกว่าหงสาวดี เปรียบได้กับยักษ์มหาอำนาจอย่างจีนในปัจจุบัน นั่นแหละคือหงสาวดีที่ยิ่งใหญ่ในอุษาคเนย์ในสมัยนั้น วันหนึ่งภาค 6 อาณาจักรเหล่านั้นมันหายไปครับ มันเปลี่ยนศูนย์กลางอำนาจใหม่ไปอยู่ที่อื่นละ ในขณะเดียวกันก็จะมีความสอดรับกับการก้าวขึ้นมาสู่ห้วงอำนาจที่สำคัญของอยุธยา เป็นที่มาของการเป็นเอกราชที่สืบทอดยาวนานอีก170กว่าปี ก่อนที่เราจะมาเสียกรุงครั้งที่ 2 อีกครั้งหนึ่ง แล้วเราก็จะได้เห็นความสูญเสียของคน โดยเฉพาะที่สำคัญที่สุดก็คือความสูญเสียของพระนเรศวรก็เกิดขึ้นในภาคนี้ เชื่อเถอะครับว่าเมื่อดูจบภาค6แล้วทุกคนจะคิดเหมือนผมว่าควรจะมีภาคนี้เพราะมันคือประวัติศาสตร์ของเรา”
การันตีจาก ผู้พันเบิร์ด พันโทวันชนะ สวัสดี ผู้ซึ่งถ่ายทอดชีวิตของพระนเรศวรมากว่าทศวรรษ อย่าพลาดชม 9 เม.ย.นี้ มาร่วมปิดตำนานพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์