กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--มาสเตอร์โพลล์
รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in Community Happiness Association, TRICHA) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพลล์(Master Poll) เรื่อง ความคิดเห็นของแกนนำชุมชนต่อการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกและการประกาศใช้กฎหมายมาตรา 44 : กรณีศึกษาตัวอย่างแกนนำชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 1,016 ชุมชน จาก 19 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครนายก ปราจีนบุรี นครราชสีมา อำนาจเจริญ บึงกาฬ มหาสารคาม เชียงราย ลำปาง นครสวรรค์ สุโขทัย นครปฐม ราชบุรี ชุมพร พังงา สงขลา และ สตูล ดำเนินโครงการในวันที่ 3-5 เมษายน 2558
ผลการสำรวจการติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อมวลชนในช่วง 30 วันที่ผ่านมา พบว่า แกนนำชุมชนร้อยละ 51.1 ระบุติดตามทุกวัน/เกือบทุกวัน ในขณะที่ร้อยละ 32.3 ระบุติดตาม 3-4 วัน/สัปดาห์ ร้อยละ 10.5 ระบุติดตาม 1-2 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 5.1 ระบุน้อยกว่าสัปดาห์ละครั้ง และร้อยละ 1.0 ระบุไม่ได้ติดตามเลย
เมื่อสอบถามถึงการรับทราบการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกนั้นผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 94.4 ระบุทราบข่าวแล้ว ในขณะที่ร้อยละ 5.6 ระบุว่าในขณะที่ทำการสำรวจนั้นยังไม่ทราบข่าว ทั้งนี้เมื่อสอบถามถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ผลการสำรวจพบว่าร้อยละ 38.3 ระบุรู้สึกเห็นด้วยว่า นายกรัฐมนตรีตัดสินใจถูกต้องแล้ว และคิดว่ากฎหมายมีความใกล้เคียงกันมาก รองลงมาคือร้อยละ 25.8 ระบุว่ารู้สึกเฉยๆ ไม่ได้เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 18.1 ระบุว่ายังไม่อยากให้มีการยกเลิกเลย กลัวเกิดเหตุวุ่นวายอีกครั้ง ร้อยละ 15.3 ระบุรู้สึกมีอิสระมากขึ้น ผ่อนคลายมากขึ้น ร้อยละ 14.0 คิดว่าเป็นการลดแรงกดดันจากต่างชาติ ในขณะที่ร้อยละ 13.4 ระบุอื่น ๆ อาทิ รู้สึกมีความมั่นใจ/คิดว่าทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น/ลดความขัดแย้ง/จะได้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น/เป็นห่วงกฎหมายใหม่จะใช้อย่างไร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะผู้วิจัยได้สอบถามความรู้สึกเกี่ยวกับกับการประกาศใช้และการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ผลการสำรวจพบว่า แกนนำชุมชนร้อยละ 60.4 ระบุไม่รู้สึกกังวลอะไรเลย ในขณะที่ร้อยละ 23.9 ระบุ กังวลพอๆกัน ร้อยละ 11.2 ระบุรู้สึกกังวลกับการยกเลิกกฎอัยการศึกมากกว่า และร้อยละ 4.5 ระบุรู้สึกกังวลกับการใช้กฎอัยการศึกมากกว่า
สำหรับความเชื่อมั่นต่อกฎหมายมาตรา 44 ที่จะประกาศใช้แทนกฎอัยการศึกนั้น ผลการสำรวจพบว่า แกนนำชุมชนส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 87.4 ระบุมีความเชื่อมั่นในกฎหมายดังกล่าว ในขณะที่ร้อยละ 12.6 ระบุไม่เชื่อมั่น และเมื่อสอบถามต่อไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายหลังการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ผลการสำรวจพบว่า ตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งเห็นว่าสิ่งต่างๆ น่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยร้อยละ 73.8 เห็นว่าความรักความสามัคคีของคนในชาติน่าจะดีขึ้น ร้อยละ 72.7 ระบุคิดว่าความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจะดีขึ้น ร้อยละ 69.9 ระบุสถานการณ์ภายในประเทศโดยรวมจะดีขึ้น ร้อยละ 69.5 ระบุคิดว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวจะดีขึ้น ร้อยละ 62.1ระบุบรรยากาศความสัมพันธ์กับต่างประเทศจะดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 51.7 ระบุคิดว่าการค้าและการส่งออกของประเทศจะดีขึ้น
ประเด็นสำคัญสุดท้าย เมื่อสอบถามความเชื่อมั่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่าจะใช้กฎหมายมาตรา 44 อย่างสร้างสรรค์ตามที่รับปากไว้กับประชาชนหรือไม่นั้น ผลการสำรวจพบว่าแกนนำชุมชนร้อยละ 67.4 ระบุเชื่อมั่นว่าจะเป็นเช่นนั้น โดยให้เหตุผลว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนพูดจริง ทำจริง /นายกฯเป็นคนมองการณ์ไกล/นายกฯเป็นคนมีความรับผิดชอบ/นายกฯเป็นคนตรงไปตรงมา/มีการวางแผนไว้ชัดเจนแล้ว อย่างไรก็ตาม แกนนำชุมชนร้อยละ 27.3 ระบุไม่แน่ใจ และร้อยละ 5.3 ระบุไม่เชื่อมั่นว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเห็นว่าสถานการณ์ยังไม่นิ่ง/นายกรัฐมนตรีคนเดียวอาจจะควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่/นายกฯเป็นคนใจร้อน/ยังไม่รู้ว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นอีกบ้าง