กรุงเทพ--22 ม.ค.--ธนาคารนครหลวงไทย
นายผดุง เตชะศรินทร์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการของธนาคารในรอบปี 2540 ที่ผ่านมาว่า ธนาคารมีปริมาณเงินฝาก 158,086 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อ 239,925 ล้านบาท โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรองสำหรับสินทรัพย์จัดชั้นและภาษีเงินได้ 5,368 ล้านบาท แต่เมื่อหักสำรองสินทรัพย์จัดชั้นซึ่งธนาคารได้ตั้งไว้จนครบถ้วนและเกินกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดล่าสุดแล้วธนาคารจะมีผลการดำเนินงานหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลขาดทุนทั้งสิ้น จำนวน 1,929 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการปี 2540 ที่มีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมานั้น นายผดุง กล่าวว่า มีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง และปัญหาสภาพคล่องทางการเงินที่เกิดจากการที่ประชาชนมีความวิตกกังวล และไม่มั่นใจในระบบสถาบันการเงินอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องมีภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งธนาคารนครหลวงไทยยังสามารถมีผลกำไรจากการประกอบการดังกล่าวข้างต้น แต่ทั้งนี้เพื่อเป็นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบประกอบกับเพื่อเสริมสร้างฐานะการเงินของธนาคารให้มีความมั่นคงแข็งแกร่งสอดคล้องกับภาวะการณ์ในปัจจุบัน ธนาคารจึงได้ตัดสินใจล้างบัญชีให้สะอาดโดยการตั้งสำรองเผื่อหนี้จัดชั้นและตัดบัญชีสินทรัพย์จัดชั้นสูญรวมถึงเงินลงทุนในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ในเครือทั้งสามแห่งที่ถูกสั่งปิดกิจการ ณ สิ้นปี 2540 ได้อย่างครบถ้วนและเกินจากเกณฑ์ล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้ทำการตรวจสอบในไตรมาสที่ 4 ของปี 2540 ที่ผ่านมาอีกด้วย โดยในส่วนของหนี้จัดชั้นต่ำกว่ามาตรฐานส่วนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้กันสำรองให้ครบร้อยละ 15 ภายในปี 2541 นั้น ธนาคารก็ได้กันสำรองไว้ครบถ้วนตั้งแต่สิ้นปี 2540 ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ในปี 2541 ธนาคารไม่มีความจำเป็นต้องกันสำรองเผื่อหนี้จัดชั้นเพิ่มขึ้นเท่าใดนัก แม้ว่าสภาพธุรกิจโดยทั่วไปยังคงมีความไม่แน่นอนสูงก็ตาม
นายผดุง กล่าวต่อไปว่า สำหรับปี 2541 นี้ นโยบายการดำเนินงานของธนาคารฯ จะมุ่งเน้นการรักษาและเพิ่มสภาพคล่องให้เพียงพอ ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพของสินทรัพย์และการป้องกันแก้ไขสินเชื่อที่อาจเป็สปัญหาอันเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ตลอดจนการลดและควบคู่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสภาพธุรกิจและการสร้างรายได้ของธนาคารฯ นอกจากนี้ ธนาคารฯ กำลังดำเนินการเจรจาเรื่องเพิ่มทุนกับสถาบันการเงินต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปในเร็ววันนี้--จบ--