กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
DRT มองผลการดำเนินงานปีนี้กลับมาเติบโตแข็งแกร่งอีกครั้งหลังผ่านจุดต่ำสุดเมื่อปีก่อน ชี้ปัจจัยเติบโตปีนี้มาจากความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจัดจำหน่าย-สินค้าหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค หนุนตราสินค้าแข็งแกร่ง แถมมีฐานการผลิตและศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคต่างๆ รับตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี ช่วยผลักดันการเติบโตได้ดีกว่าปีก่อน
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัทผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด อิฐมวลเบาและบริการหลังการขาย ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ของ DRT จะกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งทั้งในแง่ของรายได้และกำไร หลังผ่านจุดต่ำสุดในปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ ทำรายได้รวม 4,227.89 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 289.29 ล้านบาท โดยมองว่าปัจจัยเติบโตปีนี้มาจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งในด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายครอบคลุม ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ตัวแทนจำหน่ายร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิมที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ กลุ่มลูกค้าโครงการ กลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ สามารถผลักดันสินค้าภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ ที่มีความหลากหลาย ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลังคา ผลิตภัณฑ์แผ่นผนังและฝ้า และผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ เข้าสู่ช่องทางการจำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน DRT ยังมีความพร้อมด้านฐานการผลิตที่มีกำลังการผลิตรวมกว่า 9.82 แสนตัน จาก 3 โรงงานการผลิตที่กระจายอยู่ในภูมิภาคได้แก่ โรงงานผลิตกระเบื้องหลังคา ไม้สังเคราะห์และอิฐมวลเบาที่จังหวัดสระบุรี โรงงานผลิตกระเบื้องหลังคาและศูนย์กระจายสินค้าที่จังหวัดขอนแก่น และโรงงานอิฐมวลเบาที่จังหวัดเชียงใหม่ ช่วยเสริมศักยภาพการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยังช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และการขนส่งกระจายสินค้าในต้นทุนที่ต่ำลงได้อีกด้วย
รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า ขณะเดียวกันในปีนี้ บริษัทฯ ยังให้น้ำหนักด้านสื่อสารการตลาดและสร้างแบรนด์ ‘ตราเพชร’ ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้นรองรับการตลาดวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี หลังภาครัฐเร่งการเบิกจ่ายเต็มที่เพื่อลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่หนุนความเชื่อมั่นด้านการลงทุนของภาคเอกชนและผู้บริโภคในการใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้าง นำไปใช้ในการปรับปรุงหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
ส่วนตลาดต่างประเทศนั้นถือเป็นโอกาสที่ดีของ DRT เพื่อรุกขยายตลาดให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากประเทศสมาชิกในอาเซียนจะก้าวสู่ AEC ในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการค้าการลงทุน ทำให้บริษัทฯ สามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากการส่งออกได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV หรือ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม เนื่องจากเศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดีช่วยหนุน ความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างมากขึ้น ซึ่ง DRT มีความได้เปรียบคู่แข่งจากการทำตลาดมานานและลูกค้าให้การยอมรับในด้านคุณภาพและหลากหลายของสินค้าที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี
“เรามองว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของ DRT จะกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งหลังจากปีก่อนที่ชะลอตัวลงไปเล็กน้อยจากปัจจัยเศรษฐกิจ ซึ่งเราศักยภาพความพร้อมด้านฐานการผลิต เครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง สินค้าที่หลากหลายสามารถแข่งขันได้เพื่อเก็บเกี่ยวได้ยอดขายจากจังหวะที่ตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ที่ฟื้นตัวได้ดีประกอบกับยอดขายในต่างประเทศของเรายังสามารถผลักดันการเติบโตที่ดี จึงมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตได้มากกว่าปีที่ผ่านมาและสามารถสร้างผลตอบแทนที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่นักลงทุนได้อย่างแน่นอน” นายสาธิต กล่าว