กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
ปอร์เช่สร้างตำนานหน้าใหม่ด้วยยอดส่งมอบที่เหนือความคาดหมาย โดยรายได้และผลกำไรจากการดำเนินงานอย่างดีเยี่ยมในปี 2014 ที่ผ่านมา ยอดส่งมอบรถสูงถึง 189,849 คัน ซึ่งถือว่ามากกว่าปีที่ผ่านมา 17% ส่วนรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 17.2 พันล้านยูโร และกำไรเติบโตขึ้นอีก 5% นั่นคือ 2.7 พันล้านยูโร พนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 22,401 อัตรา ซึ่งเป็นยอดพนักงานที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีเพียง 19,456 อัตราเท่านั้นถือได้ว่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีก 15%
Matthias Muller ประธานกรรมการและบอร์ดบริหารได้กล่าวในงานแถลงข่าวประจำปี ณ เมืองสตุ๊ดการ์ท ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยย้ำให้เห็นถึงกลยุทธ์ “Strategy 2018” ว่า “ปอร์เช่ทำการพัฒนาได้อย่างประสบความสำเร็จ ซึ่งในตอนนี้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ดีเยี่ยมกว่าที่ผ่านมา” และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “หนึ่งในความสำเร็จอันยอดเยี่ยมได้มาจาก มาคันน์ (Macan) โดยยอดส่งมอบรถทั้งปีสูงถึง 45,000 คัน” มาคันน์ (Macan) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ทำให้ปอร์เช่เอาชนะใจลูกค้าใหม่ ทั่วโลกได้อย่างเหลือเชื่อจาก 3 ใน 4 ของลูกค้ามาคันน์ (Macan) คือเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่คันแรกหรือเพิ่งเคยสัมผัสกับปอร์เช่เลยทีเดียว
มากกว่านั้น ประธานกรรมการของปอร์เช่ ยังยกความสำเร็จนี้ให้กับรุ่นไฮบริดแบบ Plug-in ด้วยเช่นกัน โดยได้พูดถึง 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ที่สุดแห่งนวัตกรรมยานยนต์ซูเปอร์สปอร์ต ที่เพิ่งจำหน่ายได้ไม่นานหลังจากเริ่มส่งมอบในเดือนมีนาคม 2014 โดยเฉพาะในปีดังกล่าว ถือได้ว่าปอร์เช่เป็นเพียงแบรนด์เดียวในโลกที่สามารถนำเสนอรถยนต์ไฮบริดแบบ Plug-in ให้ลูกค้าระดับพรีเมี่ยมได้ถึง 3 รุ่นเลยทีเดียว ซึ่งนอกเหนือจาก 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ก็คือรุ่น คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) และพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid)
Lutz Meschke, สมาชิกบอร์ดบริหารฝ่ายการเงินและ IT ของปอร์เช่ได้เน้นย้ำถึงความสำเร็จของปอร์เช่ในด้านการเงินว่า “ในปี 2014 นี้พวกเราสามารถลดหนี้ได้อย่างมหาศาลและทำให้สถานะทางการเงินเติบโตขึ้น บรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่าที่เราตั้งเป้าไว้ถึง 2 ปีเลยทีเดียว” สิ่งสำคัญคือ สภาพคล่องของอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมเพิ่มมากขึ้น จาก ติดลบ 899 ล้านยูโร เมื่อ วันที่ 31 ธันวาคม 2013 เป็นบวก 195 ล้านยูโร ในวันที่ 31 ธันวาคม 2014 เลยทีเดียว
ทั้ง Matthias Muller และ Lutz Meschke ต่างมีมุมมองสำหรับปีปัจจุบันโดยได้กล่าวไว้ว่า “พวกเราหวังว่ายอดขายและยอดส่งมอบในปีนี้จะยังคงเติบโตขึ้น” และพวกเขาต้องการความมั่นคงในเรื่องของผลกำไรผ่านกระบวนการการผลิตที่สมบูรณ์แบบอย่างต่อเนื่องและการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ ภาพถ่าย และวีดีโอ ต่างๆ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.jpk-porscheag.de/2015
ปอร์เช่รุ่น911: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 12.4–8.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; (8.06-12.20 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 289–191 กรัม/กิโลเมตร;
ปอร์เช่รุ่นบ็อกซเตอร์ (Boxster)/เคย์แมน (Cayman): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 9.0–7.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; (11.11-12.65 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 211–183 กรัม/กิโลเมตร;
ปอร์เช่รุ่นคาเยนน์ (Cayenne 2015): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 11.5–6.6 ลิตร/100 กิโลเมตร; (8.70-15.15 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 267–173 กรัม/กิโลเมตร;
ปอร์เช่รุ่นคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 3.4 ลิตร/100 กิโลเมตร, (29.4 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคพลังงานแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 20.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 79 กรัม/กิโลเมตร;
ปอร์เช่รุ่นคาเยนน์ (Cayenne 2014): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 11.5-7.2 ลิตร/100 กิโลเมตร, (8.70-13.89 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 270-189 กรัม/กิโลเมตร;
ปอร์เช่รุ่นพานาเมร่า (Panamera): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 10.7–6.4 ลิตร/100 กิโลเมตร; (9.34-15.62 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 249–169 กรัม/กิโลเมตร;
ปอร์เช่รุ่นพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 3.1 ลิตร /100 กิโลเมตร, (32.25 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคพลังงานแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 16.2 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 71 กรัม/กิโลเมตร;
ปอร์เช่รุ่นมาคันน์ (Macan): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 9.2–6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร; (10.86-16.40 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 216–159 กรัม/กิโลเมตร;
ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 3.1–3.0 ลิตร/100 กิโลเมตร; (32.25-33.33 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคพลังงานแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 12.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) –อยู่ที่ 72–70 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche Service Support Mission 2014 จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง(Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th