กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
เดือนเมษายนและพฤษภาคมที่จะถึงนี้ เป็นเดือนที่หลายๆ คนเตรียมแผนการเดินทางท่องเที่ยวสำหรับวันหยุดยาว สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถนนหลายสายอาจลื่น เปียก และเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ดังนั้นความพร้อมของยางรถยนต์จึงมีส่วนช่วยส่งเสริมให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ นายวิชิต ว่องวัฒนาการ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบริการลูกค้า ฟอร์ด ประเทศไทย มีข้อแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการตรวจสอบและเตรียมยางรถยนต์ให้พร้อมก่อนออกเดินทางไปสนุกสนานในช่วงวันหยุดยาว
ในเบื้องต้นหากสงสัยว่ายางรถยนต์เสื่อมสภาพหรือไม่ เราสามารถตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ได้ง่ายๆ หลายวิธี เช่น
- ตรวจสภาพทั่วไปของยางรถยนต์ว่ามีรอยแตกร้าว บวม หรือสึกหรอมากเกินไปหรือไม่
- สังเกตด้วยตาเปล่าดูว่ายางรถยนต์มีเศษหิน เศษของมีคม หรือเศษแก้วแทรกอยู่ในร่องดอกยางรถยนต์หรือไม่ ถ้ามี ให้ใช้วัสดุไม่มีคมเขี่ยเศษเหล่านั้นออกจากร่องดอกยางให้หมดเพื่อป้องกันไม่ให้เศษเหล่านั้นทำลายพื้นผิวของยางรถยนต์
- ตรวจเช็คสภาพวาล์วสูบลมยางรถยนต์อยู่เสมอ ต้องไม่มีรอยแตกร้าวที่อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของลมยาง
อย่างไรก็ตาม สภาพของยางที่เสื่อมอาจไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเพียงอย่างเดียว มร.สตีฟ เคนเนอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานด้านความปลอดภัยของฟอร์ด ได้อ้างอิงถึงงานวิจัยของฟอร์ดว่า ยางรถยนต์จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาอันเนื่องมาจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ สถานที่เก็บยางรถยนต์ รวมไปถึงการใช้งานจากการขับขี่ และแม้ว่าจะเป็นยางรถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ยางเหล่านี้ก็จะเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไปเช่นกัน ดังนั้น ฟอร์ดจึงแนะนำให้หมั่นตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และใช้ยางรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 6 ปี ไม่ว่าจะใช้งานบ่อยหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน
วิธีการสังเกตเบื้องต้นว่ายางรถยนต์ของเรามีอายุเกิน 6 ปีแล้วหรือไม่นั้น สามารถทำได้ง่ายๆ โดยสังเกตดูจากตัวเลขกลุ่มสุดท้ายของรหัส DOT (the U.S. Department of Transportation) ที่ด้านข้างของล้อรถยนต์ ซึ่งจะเป็นกลุ่มตัวเลขสี่หลัก โดยตัวเลขสองตัวสุดท้ายของเลขกลุ่มนี้ คือ เลขปี ค.ศ. ที่ผลิตยางรถยนต์ แต่หากเลขรหัสกลุ่มนี้ มีเพียงสามหลัก นั่นหมายถึงว่ายางรถยนต์นั้นผลิตขึ้นก่อนปี พ.ศ.2543 ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีอายุมากกว่า 15 ปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรนำยางรถยนต์นี้มาใช้งานอีกต่อไป
สภาพการใช้งานและวิธีการขับขี่รถยนต์ก็มีผลต่อสภาพยางเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถยนต์ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง หรือบรรทุกของหนักเป็นประจำ ความร้อนและน้ำหนักที่บรรทุกนั้น จะทำให้ยางรถยนต์สึกหรอและมีอายุการใช้งานที่สั้นลง นอกจากนี้การขับขี่รถยนต์ในสถาพพื้นผิวถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ จะมีผลทำให้ยางรถยนต์ถูกกระแทก ส่งผลให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
สำหรับวิธีการถนอมยางรถยนต์แบบง่ายๆ ได้แก่
- หมั่นตรวจสอบความดันลมยาง ก่อนการเดินทางหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และไม่ขับขี่ด้วยความเร็วที่สูงเกินกว่าสมรรถนะของยาง
- หลีกเลี่ยงการขับรถในสภาพถนนที่ขรุขระ เป็นหลุม บ่อ เบียดหรือชนฟุตบาท
- นำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบความสมดุลย์ของล้อ และยางตามระยะที่กำหนด
- สลับตำแหน่งยางรถยนต์เพื่อช่วยให้ยางรถยนต์ได้รับการใช้งานที่สม่ำเสมอกัน ซึ่งหลังจากที่สลับตำแหน่งยางรถยนต์แล้ว จำเป็นจะต้องตรวจเช็คความดันลมยาง เพื่อให้การทำงานของรถยนต์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันนี้ยังมีตัวช่วยชี้บอกถึงสภาพของดอกยาง หรือที่รู้จักกันในชื่อแวร์บาร์ (Wear Bars) โดยแวร์บาร์มีลักษณะเหมือนแถบยางเส้นเล็กๆ คาดพาดอยู่บนร่องของดอกยางยนต์ ซึ่งหากยางรถยนต์สึกหรอจนสามารถมองเห็นแวร์บาร์ได้แล้ว หมายความว่าดอกยางรถยนต์เหลือเพียงแค่ 1/16 นิ้วหรือประมาณ 2 มิลลิเมตร เป็นสัญญาณเตือนว่ายางรถยนต์สึกมากแล้ว ควรเปลี่ยนยางรถยนต์นั่นเอง
รู้กันอย่างนี้แล้วก็อย่าลืมไปตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ที่ศูนย์บริการฟอร์ดใกล้บ้านท่าน เพื่อความมั่นใจและการขับขี่ที่ปลอดภัยตลอดการเดินทาง