กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.สท. เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนมักเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อร่วมฉลองวันสงกรานต์และวันแห่งครอบครัวตามประเพณีไทย อีกทั้งมีการจัดกิจกรรมรื่นเริงที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปร่วมงาน ซึ่งอาจมีกลุ่มบุคคลไม่หวังดีเข้ามาฉวยโอกาสก่อเหตุความไม่สงบ เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2558 พร้อมกำชับทุกหน่วยเกี่ยวข้องเร่งรัดระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงก่อนเทศกาล ตั้งแต่ 1-10 เม.ย.2558 โดยมุ่งเน้นการกระทำความผิดในคดีเป้าหมาย ทั้งคดีเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย เพศ อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ ตลอดจนคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ อาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นตามสถานีขนส่ง พื้นที่ท่องเที่ยว รวมทั้งให้กวดขันสถานบันเทิงและสถานบริการในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย สำหรับห้วงเทศกาลระหว่าง 11-16 เม.ย.2558 ให้เพิ่มเน้นหนักกวดขันจับกุมการกระทำความผิดตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งเรื่องห้ามจำหน่ายและห้ามดื่มในสถานที่ที่กำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางในขณะขับขี่หรือขณะโดยสารอยู่บนรถ พร้อมจัดสายตรวจออกตรวจตราความปลอดภัย ตั้งจุดตรวจด่านความมั่นคง และรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่
เพื่อให้การดำเนินมาตรการดังกล่าวเกิดความสัมฤทธิผล จึงใคร่ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนช่วยป้องกันภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งในเรื่องการเล่นสงกรานต์ด้วยความสุภาพตามประเพณีไทยในบริเวณที่มีการกำหนดเขตพื้นที่ และการขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษโดยปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่อง “เมาไม่ขับ” และ “โทรไม่ขับ” ตลอดจนขอให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงประทุษร้ายต่อทรัพย์ รวมถึงการดูแลเด็กและผู้สูงอายุไม่ให้อยู่ตามลำพัง การจัดทำบัตรหรือสิ่งอื่นใดให้ปรากฏชื่อเด็ก ชื่อบิดามารดาหรือผู้ปกครองพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงของเด็ก เพื่อสะดวกในการนำเด็กส่งผู้ปกครองในกรณีเกิดการพลัดหลง ทั้งนี้ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือพบเบาะแสบุคคลต้องสงสัยว่าจะกระทำผิดกฎหมาย ก่อความเดือนร้อนวุ่นวาย หรือกรณีต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งมายังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน สายด่วน 191, SMS 191 และ สายด่วน 1599 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง