กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาทของ บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทคงเดิมที่ระดับ “A-” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์และความสามารถของคณะผู้บริหารของบริษัทในการขยายปริมาณสินทรัพย์ให้เช่าได้อย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงระบบการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างเข้มงวดซึ่งทำให้บริษัทสามารถดำรงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกบั่นทอนจากการแข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับราคารถยนต์มือสองที่ปรับตัวลดลงมาก ยังคงเป็นปัจจัยกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัท นอกจากนี้ โครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะถูกกระทบหากบริษัทยังคงใช้การกู้ยืมเป็นเงินทุนหลักในการขยายสินทรัพย์ให้เช่า
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงพัฒนาการที่ต่อเนื่องในระบบการจัดการความเสี่ยงและสถานะทางธุรกิจของบริษัท ตลอดจนสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็ง และการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะผู้นำในธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์โดยการเพิ่มความหลากหลายของฐานลูกค้าและรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่กลุ่มเดิม รวมทั้งรักษาระดับคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีเอาไว้ได้ ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2558 โดยอาศัยจุดแข็งต่าง ๆ จากสถานะผู้นำตลาด นอกจากนี้ บริษัทจะต้องปรับเพิ่มฐานทุนเพื่อรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินให้เป็นไปตามความคาดหมายของทริสเรทติ้งด้วย
การปรับเพิ่มขึ้นของอันดับเครดิตถูกจำกัดในระยะสั้นถึงระยะกลาง เนื่องจากภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศที่ยังไม่เอื้ออำนวย และราคารถยนต์มือสองที่ยังไม่ดีขึ้น ยังเป็นข้อจำกัดกำไรจากการจำหน่ายรถยนต์ที่หมดสัญญาเช่า และผลประกอบการโดยรวม นอกจากนี้ หากบริษัทไม่สามารถรักษาผลประกอบการในระดับเดิมและยังลดลงไปกว่าปัจจุบัน สถานะทางเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบ
บริษัทยังคงรักษาสถานะผู้นำในตลาดเช่าดำเนินงานรถยนต์เอาไว้ได้โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิของผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 30 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง บริษัทให้บริการเช่าดำเนินงานและเช่าการเงินแก่ลูกค้านิติบุคคลที่เป็นบริษัทขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ณ สิ้นปี 2557 บริษัทมีสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิที่ระดับ 10,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 9,188 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 และ 7,875 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 สำหรับลูกหนี้สินทรัพย์ให้เช่าการเงินในปี 2556 ก็ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,631 ล้านบาท จากระดับ 1,487 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 อย่างไรก็ดี ณ สิ้นปี 2557 ลูกหนี้สินทรัพย์ให้เช่าทางการเงินลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 1,582 ล้านบาท
การมีเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศช่วยเพิ่มระดับความสามารถของบริษัทในการให้บริการแก่ลูกค้ารายใหญ่ การพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่ให้ประโยชน์แก่บริษัทจากการประหยัดต่อขนาด แต่ก็ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงสูงจากการกระจุกตัวของฐานลูกค้าทั้งในด้านการผิดนัดชำระหนี้และการพึ่งพิงรายได้จากลูกค้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้บรรเทาลงจากการที่ลูกค้ารายใหญ่มีคุณภาพเครดิตที่ค่อนข้างดี บริษัทมีความพยายามในการกระจายฐานลูกค้าซึ่งสะท้อนจากการเปลี่ยนแปลงการกระจุกตัวของฐานลูกค้ารายใหญ่ทั้ง 20 ราย เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิภายใต้สัญญาเช่าดำเนินงานและสินเชื่อคงค้างภายใต้สัญญาเช่าการเงินแล้วปรากฏว่าลูกค้ารายใหญ่ 20 รายแรกคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของสินทรัพย์รวมของบริษัทในปี 2557 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2556 แต่ลดลงอย่างมากจาก 56% ในปี 2552 นอกจากนี้ ลูกค้ารายใหญ่ทั้ง 20 รายของบริษัทยังกระจายตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้นด้วย
หลังจาก บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในปี 2549 แล้ว ตัวแทนของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตซึ่งเข้ามามีบทบาทโดยผ่านช่องทางคณะกรรมการบริษัทก็ได้ให้การสนับสนุนความพยายามในการพัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยงของบริษัท ทั้งนี้ ระบบการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดมีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้เมื่อมีการขยายธุรกิจไปสู่สินทรัพย์ประเภทอื่นซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าสินทรัพย์ประเภทรถยนต์ ความพยายามดังกล่าวสะท้อนจากความสามารถในการรักษาระดับอัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ค้างชำระเกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมให้อยู่ในระดับต่ำ โดย ณ สิ้นปี 2557 บริษัทไม่มีลูกหนี้สัญญาเช่าดำเนินงานที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของลูกหนี้สัญญาเช่าการเงินอยู่ที่ระดับเพียง 0.15% เท่านั้น
ในปี 2556 ผลการดำเนินงานของบริษัทได้รับผลกระทบจากการลดลงของราคารถยนต์มือสอง ความต้องการรถยนต์มือสองในปี 2556 ลดต่ำลงมากเนื่องจากนโยบายด้านภาษีสำหรับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกของรัฐบาลได้กระตุ้นยอดขายรถยนต์ใหม่ในช่วงปี 2555-2556 ประกอบกับโครงการการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ของผู้ผลิตรถยนต์ในช่วงปลายปี 2556 ยิ่งทำให้สถานการณ์ราคารถยนต์มือสองย่ำแย่มากขึ้น บริษัทต้องการลดผลกระทบจากราคารถยนต์มือสองที่ลดลง โดยพยายามเลื่อนการจำหน่ายรถยนต์ที่หมดอายุสัญญาเช่าบางส่วนออกไป รวมทั้งการนำรถยนต์ที่หมดอายุเช่าดังกล่าวกลับมาให้เช่าระยะสั้นเพื่อเลื่อนเวลาในการจำหน่ายรถยนต์หมดอายุออกไป นอกจากนี้ บริษัทยังพยายามจำหน่ายรถยนต์ที่หมดอายุสัญญาเช่าโดยผ่านช่องทางการขายปลีกไปสู่ผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งจะได้ราคาที่สูงกว่าช่องทางปกติของบริษัท คือการประมูลขายรถจำนวนมากในคราวเดียว อย่างไรก็ดี แม้ว่าบริษัทจะพยายามลดผลกระทบดังกล่าวด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วก็ตาม บริษัทยังมีกำไรจากการจำหน่ายสินท รัพย์ให้เช่าเพียง 49 ล้านบาทในปี 2556 ลดลงจาก 124 ล้านบาทในปี 2555 กำไรสุทธิก็ปรับลดลงเป็น 205 ล้านบาทในปี 2556 จาก 241 ล้านบาทในปี 2555 สำหรับปี 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิ 140 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 205 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากราคารถยนต์มือสองที่ลดลง ตลาดรถยนต์มือสองคาดว่าจะฟื้นตัวในไม่ช้า แต่คงใช้เวลานานกว่าจะกลับมาระดับปกติ ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทได้รับผลกระทบต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง นอกจากนี้การแข่งขันที่รุนแรงทั้งในธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์และเช่าการเงินจะยังคงเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทใช้เงินทุนจากการกู้ยืมในการขยายฐานสินทรัพย์เป็นหลัก บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 5.0 เท่า ณ สิ้นปี 2557 เพิ่มขึ้นจาก 3.1 เท่าในปี 2553 และจากที่คาดว่าความสามารถในการทำกำไรจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงและราคารถยนต์มือสองที่ยังไม่ดีขึ้น ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถปรับเพิ่มระดับผลประกอบการและควบคุมอัตราส่วนหนี้สินไว้ได้ ทั้งนี้ บริษัทได้พยายามรักษานโยบายการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินที่เข้มงวดด้วยการบริหารอายุของหนี้ผ่านการกู้ยืมระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาของสัญญาเช่าสินทรัพย์
บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (PL)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
PL163A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
PL166A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
PL16OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
PL172A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-
PL179A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-
PL185A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-
PL182B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable