กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--Syllable
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” พร้อมรับมืออุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ เตรียมเจ้าหน้าที่ พร้อมอุปกรณ์ครบมือ แสตนด์บายทั่วกรุงเทพฯ - ปริมณฑลตลอด 24 ชั่วโมง จับมือมูลนิธิเมาไม่ขับจัดหน่วยแพทย์ฯ บริการรักษาฟรีที่หมอชิตและหัวลำโพง
จากสถิติพบว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงมาก โดยเฉพาะอุบัติเหตุทางรถยนต์ “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” องค์กรสาธารณกุศลที่มีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือด้านกู้ชีพกู้ภัยจึงประกาศเตรียมความพร้อมรับมืออุบัติเหตุและอุบัติภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่และอาสากู้ชีพ - กู้ภัยทำงานเต็มกำลังทุกจุด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์กู้ภัยทั้งทางบกทางน้ำพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างทันท่วงที ซึ่งในส่วนของอุบัติเหตุทางน้ำได้เตรียมเรือไว้ 2 ลำเพื่อเฝ้าระวังเหตุในแม่น้ำเจ้าพระยาตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน
ทั้งนี้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้าน ทั้งทีมดับเพลิง นักประดาน้ำ เจ้าหน้าที่ตัดถ่าง ซึ่งจะใช้อุปกรณ์ไฮโดรลิคตัดโลหะเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในกรณีที่เกิดรถชนประสานงาแล้วมีคนเจ็บติดอยู่ภายในรถ ส่วนทีมกู้ชีพจะมีทั้งทีมช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเบื้องต้นที่สามารถดามแขน - ขา ใส่คอลลาร์ (ปลอกคอดามคอ) ซึ่งต้องผ่านการอบรม FR (การอบรมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินสำหรับชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินเบื้องต้น) และทีมกู้ชีพชุดขาว ซึ่งผ่านการอบรม EMTP (เวชกรฉุกเฉินขั้นสูง) โดยหน่วยกู้ชีพในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้นจะขึ้นตรงกับศูนย์เอราวัณ และแบ่งออกเป็น 9 โซนโดยมีโรงพยาบาลในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้ศูนย์เอราวัณเป็นแม่ข่าย ส่วนหน่วยกู้ชีพในพื้นที่ปริมณฑลจะขึ้นตรงกับศูนย์นเรนทร เมื่อเกิดเหตุเจ้าหน้าที่หรืออาสากู้ชีพ – กู้ภัยของป่อเต็กตึ๊งจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ช่วยเคลียร์เส้นทาง และประสานไปยังโรงพยาบาลที่เป็นแม่ข่ายเพื่อเตรียมพร้อมรับผู้บาดเจ็บ
นอกจากนั้นในปีนี้ยังเป็นปีแรกที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ โดยจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนลงไปประจำที่สถานีรถไฟหัวลำโพงและสถานีขนส่งหมอชิตเพื่อให้บริการตรวจรักษาและจ่ายยาแก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายสมบูลย์ ขวัญอ่วม เจ้าหน้าที่กู้ภัยหมายเลข 456 พูดถึงเหตุผลที่เขาและเพื่อนๆ เสียสละเวลาและแรงกายมาทำงานกู้ภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า “เนื่องจากช่วงเทศกาลสงกรานต์มีผู้คนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้ว่าอุบัติเหตุอุบัติภัยจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถ้าหากบ้านเขาไฟไหม้แต่ทีมกู้ภัยสแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง เราสารถเข้าพื้นที่และช่วยดับไฟได้ ชีวิตเขาก็ปลอดภัยทรัพย์สินแทนที่จะเสียหายมากก็เสียหายน้อย ทุกคนที่อาสามาทำงานตรงนี้ต้องเสียสละเวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัว ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมามันมีค่ามากเพราะถ้าเขารอดชีวิตมันไม่ได้หมายถึงชีวิตเขาแค่คนเดียวแต่มันมีความหมายต่อคนในครอบครัวเขาด้วย ”