กรุงเทพฯ--15 เม.ย.--เอ-ทรีท
เรื่องย่อภาพยนตร์โทรทัศน์ชุด Inspired by Idol
คน...บันดาลใจ เรื่อง "ลมหายใจใต้น้ำ"
(สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริง)
นี่คือเรื่องราวของ "หลายคนพิเศษ" ที่ได้แรงบันดาลใจจาก "คนพิเศษ"
เปิดฉากมาที่การแข่งขันว่ายน้ำคนพิการในงานกีฬาระดับชาติ คนที่ได้เหรียญทองคือ “น้องเดี่ยว” (รับบทโดย ด.ช.ภูชิต อิงชัยภูมิ) เด็กพิการแขนขา ซึ่งดูจากสรีระแล้ว น้องไม่น่าที่จะว่ายน้ำได้เก่งขนาดนี้ หลังจากแข่งขันจบลง สื่อหลายสำนักต่างรุมสัมภาษณ์ "น้องเดี่ยว" ว่าอะไรที่ทำให้น้องก้าวมาสู่จุดนี้ได้
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว น้องเดี่ยว เป็นเด็กพิการในโรงเรียนศรีสังวาลย์ น้องเป็นคนโดดเดี่ยวเพราะคิดว่าตัวเองพิการคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งขอความช่วยเหลือไปวันๆ วันหนึ่งได้มีครูพิเศษมาทำโครงการสอนว่ายน้ำให้กับเด็กๆ ในตอนแรกน้องเดี่ยวไม่ได้สนใจที่จะว่ายน้ำ เพราะเป็นของใหม่ และคิดว่าคนพิการ
แบบตัวเองคงว่ายน้ำไม่ได้ แต่ด้วยความพยายามของครูพิเศษคนนั้น ทำให้หัวใจของน้องเดี่ยวค่อย ๆ กะเทาะเปลือกออกมา
“ผมไม่รู้หรอกว่าครูจะใช่คนที่สอนว่ายน้ำเก่งที่สุดหรือเปล่า แต่ผมมั่นใจว่าครูคือคนที่มีหัวใจของการ เสียสละอย่างแท้จริง มันมีไม่กี่คนหรอกที่จะลุกขึ้นมาทำสิ่งดี ๆ
...ขอบคุณครูฟ้าลั่นครับ"
ครูฟ้าลั่น ( รับบทโดย หนักแน่น - นรินทร์โชติ วชิรธรนิยมกุล) ใช้เวลาอยู่กับน้องเดี่ยวนานกว่าเด็กคนอื่น ใช้ทุกวิถีทางที่จะเอาชนะใจน้องเดี่ยวให้ได้ ทั้งพาไปเล่น ป้อนข้าวให้ จนครูฟ้าลั่นได้เล่าเรื่องราวของตัวเองให้น้องเดี่ยวฟัง
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก เด็กชายฟ้าลั่น (รับบทโดย ด.ช.ภูริ สรีระศาสตร์ ) เป็นเด็กที่สมาธิสั้นและเป็นอาการของเด็กพิเศษกลุ่มหนึ่ง ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นโรคลมชักอยู่บ่อยๆ จนสร้างความกังวลใจให้กับผู้เป็น พ่อ ( รับบทโดย ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) และ แม่ (รับบทโดย ชลวรีย์ ชุติวัฒน์ขจรชัย ) ที่ต่างกลุ้มใจและพยายามหาทางทำให้ฟ้าลั่นได้มีสุขภาพแข็งแรง มีพัฒนาการที่ดีขึ้น
จนมาวันหนึ่งฟ้าลั่นจมน้ำ ทำให้พ่อตัดสินใจพาฟ้าลั่นไปเรียนว่ายน้ำ และครั้งนี้คือครั้งแรกที่ฟ้าลั่นได้สัมผัสกับสิ่งที่ใช่ เขาสามารถอยู่ในน้ำได้ทั้งวันอย่างสนุก แถมอาการป่วยที่เคยเป็นก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ ทักษะในกีฬาว่ายน้ำได้พาให้ฟ้าลั่นได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และยังเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยด้วย ฟ้าลั่นหาค่าขนมด้วยการสอนว่ายน้ำให้กับเด็กปกติในเวลาว่าง
เรื่องราวกลับมาที่น้องเดี่ยว ที่ยังสงสัยอยู่ว่าการว่ายน้ำมันมีดีอะไร ซึ่งครูฟ้าลั่นก็ได้สอนให้น้องเดี่ยวเรียนรู้เรื่องความมีอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกาย และการมีสมาธิจดจ่อกับกีฬาว่ายน้ำ แต่การสอนน้องเดี่ยวให้ว่ายน้ำได้ก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง ตั้งแต่สภาพจิตใจของน้องที่ยังไม่พร้อม อคติในตัวคนอื่น การไม่เข้าสังคมกับกลุ่มเพื่อน สิ่งเหล่านี้ ครูฟ้าลั่นและน้องเดี่ยวต้องก้าวข้ามไปให้ได้
ครูฟ้าลั่นพยายามหาวิธีที่จะสอนน้องเดี่ยวให้ว่ายน้ำให้ได้ เขานึกถึงเด็กพิเศษที่เป็นลูกศิษย์สอนวันแรก "น้องเก็ต" ( รับบทโดย ด.ช. วิพิศน์ พงศ์ศุภนิมิต ) เด็กออทิสติก ที่กลายเป็นแรงผลักดันให้กับการสอนว่ายน้ำเด็กพิเศษของครูฟ้าลั่นมาจนทุกวันนี้ การสอนให้เด็กออทิสติกว่ายน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย ครูฟ้าลั่นถอดใจหลายครั้ง แต่ก็ได้รับกำลังใจที่ดีจากคุณแม่ของน้องเก็ต จนครูฟ้าลั่นค้นพบเคล็ดลับที่จะสอนว่ายน้ำให้เด็กอย่างน้องเก็ต จากการที่น้องเก็ตชอบทำตัวเลียนแบบสิ่งที่มองเห็นและสนใจ ทำตัวเป็นเครื่องบินบ้าง จรวดบ้าง สัตว์ต่างๆบ้าง ครูฟ้าลั่นใช้วิธีการสอนหลอกล่อหลายอย่าง และกระบวนการสอนนี้เองก็ถูกนำมาปรับใช้กับน้องเดี่ยว เพื่อที่จะให้ลงสระว่ายน้ำให้ได้
จุดเปลี่ยนของชีวิตที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่ครูฟ้าลั่นได้เห็นเด็กตาบอดจมน้ำ เรื่องนี้ฝังใจครูฟ้าลั่นมาก ทำให้เขาตัดสินใจคิดทำโครงการสอนเด็กตาบอดให้ว่ายน้ำ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก “แม่ของน้องเก็ต” (รับบทโดย อารยา เรืองสิร์กุล ) และผู้ปกครองของเด็กๆ ที่มาเรียนว่ายน้ำ ช่วยสนับสนุนและบริจาคเงินให้ทำโครงการฯ จนสำเร็จ
แต่เส้นทางแห่งความสำเร็จไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลังจากโครงการสอนเด็กตาบอดว่ายน้ำแล้ว ฟ้าลั่นยังได้ทำโครงการสอนเด็กบกพร่องทางการได้ยิน เพียงเพราะเพื่อนสนิท “รุจ” (รับบทโดย วัชร วงศ์สิริฉัตรชัย) จุดประกายความคิดจากประโยคคำถามที่ว่า
"เด็กตาบอด จมน้ำไป ยังตะโกนร้องเรียกให้คนช่วยได้ แล้วหากเด็กหูหนวกและเป็นใบ้จมน้ำ พวกเขาจะทำอย่างไร"
ครูฟ้าลั่นเริ่มต้นหัดเรียนภาษามือด้วยตัวเองก่อน แต่ได้ไอเดียว่าควรเรียนกับเจ้าของภาษาจะดีกว่า จนฟ้าลั่นได้พบกับ พี่ต๊อบ ( รับบทโดย วีระยุทธ สุภารส ) พร้อมน้องสาวชื่อ แก้ว (รับบทโดย อันธิกา สุยะ ) คนพิการที่บกพร่องทางการได้ยินที่ทำเสื้อยืดแฮนด์เมดออกวางขาย ยินดีสอนภาษามือให้ฟ้าลั่น ฟ้าลั่นได้เริ่มหาทุนสำหรับโครงการสอนคนหูหนวกว่ายน้ำ แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นจุดวิกฤติของชีวิต หลายที่ไม่ให้การตอบรับกับโครงการนี้ แถมยังมีปัญหากับทางบ้านด้วยความเข้าใจผิดของพ่ออีก
พ่อของฟ้าลั่นได้ยินข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับฟ้าลั่น ที่วันๆ เอาแต่ไปขลุกอยู่กับคนหูหนวก แถมยังถูกนินทาว่าลูกชายจะพาเด็กหูหนวกไปขายตัว เหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงมากจนทำให้พ่อสั่งห้ามฟ้าลั่นสอนว่ายน้ำให้คนพิการจนกว่าจะเรียนจบ ฟ้าลั่นจึงเริ่มกลับไปใช้ชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นปกติ
แต่ด้วยกำลังใจจากคนอื่นๆ รอบด้าน รวมทั้งกับการได้พบ "ครูหน่อย" นักธาราบำบัด (รับบทโดย นวพรรณ ไชยวรรณ์ อุทัยยศ) ที่ชื่นชมสิ่งดีๆ ที่ฟ้าลั่นทำ อีกทั้งยังคอยชี้แนะ ให้คำแนะนำดีๆ และอาสาเป็นที่ปรึกษาให้กับโครงการสอนว่ายน้ำให้เด็กพิการกลุ่มต่างๆ ทำให้การเสนอโครงการเพื่อขอรับทุนการสนับสนุนได้รับการตอบรับที่ดี ฟ้าลั่นกลับมามีพลังมุ่งมั่นขึ้นอีกครั้ง และ ครูหน่อย คนนี้เอง เป็นผู้แนะนำให้ฟ้าลั่นมาสมัครเป็นอาสาสมัครสอนว่ายน้ำที่โรงเรียนคนพิการ
มาร่วมลุ้นกันว่า เรื่องราวของครูฟ้าลั่น จะทำให้น้องเดี่ยวเปิดใจกล้าว่ายน้ำหรือไม่ และตัวครูฟ้าลั่นจะสามารถเอาชนะใจพ่อของตัวเองได้หรือเปล่า ติดตามได้ในภาพยนตร์โทรทัศน์ชุด Inspired by Idol คน...บันดาลใจ เรื่อง "ลมหายใจใต้น้ำ" วันเสาร์ที่ 2 และ เสาร์ที่ 9 พฤษภาคม 2558 เวลา 17.05 – 18.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส
“ครูกลัวการทำความดีเหรอครับ ครูเป็นคนบอกผมเองว่าผมคือคนพิเศษ และผมก็อยากจะบอกครูเหมือนกันว่า ครูก็คือคนพิเศษ สำหรับผมเหมือนกัน"
“น้องเดี่ยว”
DIRECTOR’S NOTE
โน้ต – พรรณพันธ์ ทรงขำ
ผู้กำกับภาพยนตร์โทรทัศน์ เรื่อง
"ลมหายใจใต้น้ำ"
ผู้กำกับฯ โน้ต พรรณพันธ์ พูดถึงเรื่องราวการสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านภาพยนตร์โทรทัศน์ เรื่อง “ลมหายใจใต้น้ำ” ว่า
“ผมว่าความพิเศษของหนังเรื่องนี้อยู่ตรงที่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาทำความดีโดยไม่ต้องรออะไรเลย เขาใช้เพียงวิชาความรู้ความสามารถที่ตัวเองมี เป็นสะพานไปสู่การช่วยเหลือสังคม โดยการทำโครงการสอนว่ายน้ำให้กับเด็กพิการกลุ่มต่างๆ ที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย ตาบอด บกพร่องทางการได้ยิน ในหลายๆ พื้นที่ให้ได้เรียนว่ายน้ำฟรี ซึ่งผมมองว่า มันวิเศษและมหัศจรรย์มากสำหรับการเป็นต้นแบบการทำความดีสำหรับวัยรุ่นในยุคนี้ครับ ”
ด้วยความที่หนังเล่าเรื่องราวการสอนว่ายน้ำให้กับกลุ่มเด็กพิการต่างๆ อย่าง เด็กออทิสติก เด็กพิการแขนขา เด็กบกพร่องทางการได้ยิน และเด็กตาบอด ซึ่งแน่นอนว่าการสื่อสารเป็นอุปสรรคอย่างมากในการถ่ายทำ แต่ผู้กำกับโน้ตก็ไม่หวั่น เพราะได้ทีมงานระดับคุณภาพมาคอย เป็นล่าม ควบคุมการสื่อสารให้ระหว่างผู้กำกับและนักแสดง จนการถ่ายทำเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์และสนุกสนาน
“บรรยากาศในการถ่ายทำ เรียกว่ายากมากเลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องการกำกับนักแสดงใหม่มากกว่า อย่างเช่น “น้องทัก” (ภูชิต อิงชัยภูมิ รับบทน้องเดี่ยว ) เล่นเป็นเด็กพิการ ซึ่งเราคงไม่อาจทำซีจีลบแขน-ลบขาให้กับนักแสดงเด็กได้ เราจึงต้องเลือกใช้คนพิการจริงๆ มาแสดง น้องทักไม่เคยผ่านงานแสดงอะไรมาเลย อย่างเดียวที่เป็นและเก่งมากคือ การว่ายน้ำ จึงต้องเริ่มมาเวิร์ค ช็อปสอนการแสดง มาปรับอารมณ์การแสดงใหม่ เพื่อให้เขาเข้าฉากการแสดงได้ ซึ่งผมว่าเขาทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่แพ้มืออาชีพ ในส่วนของการกำกับการแสดงกลุ่มน้องๆ ที่เป็นผู้บกพร่องทางการได้ยิน และตาบอด อย่างกลุ่มแรกเราไม่รู้ว่า ต้องสั่งเขายังไง ซึ่งเขามีทั้งฉากว่ายน้ำ ฉากที่ตลาดถนนคนเดิน เวลาเราสั่งแอ๊คชั่น เราไม่รู้เลยว่าเขากำลังพูดอะไร ไดอะล็อคพูดเกินจากบทไปหรือเปล่า เราต้องคอยรีเช็คตลอดเวลา หรือเวลาที่เรากำกับเขา เราก็พูดภาษาปกติกัน แต่เขาก็ฟังไม่รู้เรื่อง เราจำเป็นต้องมีครูที่รู้ภาษามือมานั่งประจำกองถ่าย เรียกว่านั่งอยู่ข้างมอนิเตอร์เพื่อคอยตรวจเช็คว่า นักแสดงพูดไดอะล็อคถูกต้องตรงกับบทไหม และอย่างเด็กตาบอด เราบอกเขาได้ก็จริง แต่เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่า พื้นที่ในการแสดงตรงนี้คืออะไร แสดงแค่ไหนถึงจะใช้ได้ โชคดีที่มีครูสอนเด็กตาบอดมาช่วยสื่อสารให้เข้าใจกัน เรียกว่าทุกคนตั้งใจและพยายามเพื่อภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องนี้อย่างมาก ต้องขอบอกว่า นี่คือหนังของพวกเขาจริงๆ ที่ยากมากอีกส่วนหนึ่งคือ การถ่ายทำฉากในสระว่ายน้ำและใต้น้ำ เรามีไลฟ์การ์ดคอยดูแลน้องๆ ในสระ มีนักประดาน้ำคอยดูแลทีมกล้องที่ต้องลงไปถ่ายทำใต้น้ำ ที่สำคัญคือ น้องๆ นักแสดงทุกคนมีสปิริตมาก โดยเฉพาะพระเอก “หนักแน่น” (นรินทร์โชติ วชิรธรนิยม รับบท ฟ้าลั่น) เขาสวมวิญญาณเป็นฟ้าลั่นได้สมบูรณ์แบบมาก มีสปิริตของนักแสดงสูงมาก ไม่ปริปากบ่นอะไรเลย ทั้งที่เราถ่ายกันโหดมาก เช้ายันดึกๆ ติดต่อกันทุกวัน ให้เขาลงน้ำ ขึ้นเขา ขี่มอเตอร์ไซต์ ซึ่งเขาก็เล่นให้ทุกอย่างต้องขอบคุณเขามาก อีกคนหนึ่งคือ พี่ปาย (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ รับบท พ่อฟ้าลั่น) พี่ปายเป็นนักแสดงที่สมควรค่าแก่การได้รับรางวัลตุ๊กตาทองจริงๆ คือเขามีการตีความบทในหลายๆ มิติ เวลาเราอยากให้เขาเล่นอะไร เราบอกเขาแค่นิดเดียว เขาก็ดีไซน์ออกมาได้เฉียบคมมาก และด้วยความที่เขาเป็นมืออาชีพ เขาก็จะพยายามลดระดับการแสดงลงเพื่อจะคุมทุกคนให้อยู่ในซีน ต้องบอกว่าดีใจมากที่ได้พี่ปายมารับบทพ่อครับ
ที่สำคัญคือ โลเคชั่นสวยมาก เรายกกองขึ้นไปถ่ายทำที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะอ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรียกว่าเราเป็นกองถ่ายแรกเลยก็ว่าได้ที่มีโอกาสและได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้เข้าไปถ่ายทำเรื่องนี้ได้ต้องขอขอบพระคุณด้วย ซึ่งนอกจากจะได้ดูภาพสวยๆ แล้ว ผมเชื่อว่าเมื่อภาพยนตร์โทรทัศน์ เรื่องลมหายใจใต้น้ำ ออกอากาศ ผู้ชมจะสัมผัสได้ถึงแรงบันดาลใจ ที่จะสามารถดึงให้ใครหลายๆ คน ลุกขึ้นมาทำความดีโดยไม่ต้องรอเวลา แล้วไปร่วมลุ้นให้กำลังใจกับภารกิจสานฝันของผู้ชายที่ชื่อฟ้าลั่นกันครับ”
Profile: พรรณพันธ์ ทรงขำ
โปรดิวเซอร์และผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรง จากภาพยนตร์ไทยโครงการ ความรัก ศรัทธา ปาฏิหาริย์ 1-2, ภาพยนตร์ไทยเรื่อง นมัสเต จ๊ะเอ๋ บ๊ายบาย โดยเสถียรธรรมสถาน และเจ้าของรางวัลตัดต่อยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง เมล์นรก หมวยยกล้อ
นักแสดงหลัก
หนักแน่น - นรินทร์โชติ วชิรธรนิยมกุล
รับบท ฟ้าลั่น
นักแสดงเด็กจากภาพยนตร์ไทยเรื่องดัง “รักแห่งสยาม” ละคร วัยซนคนมหัศจรรย์, ภูติพยาบาท, เย้ยฟ้าท้าดิน ทั้งงานพิธีกร รายการวัยซนคลับ, จอมกวนป่วนครัว กับครั้งแรกในบทบาทพระเอกหนุ่มเต็มตัวในภาพยนตร์โทรทัศน์ “ลมหายใจใต้น้ำ”
“ในเรื่อง ลมหายใจใต้น้ำ ผมรับบทเป็นฟ้าลั่น เป็นนักกีฬาเยาวชน ว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก พอตอนปีสองมีความคิดจะสอนว่ายน้ำให้แก่เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน เด็กตาบอด เด็กพิการ มีจิตอาสาอยากช่วยเหลือสังคม เสนอโครงการไปที่ต่างๆ เพื่อมาทำโครงการสอนว่ายน้ำฟรีให้แก่เด็กด้อยโอกาสเพื่อให้ลดอัตราของเด็กที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ ในการรับบทบาทครั้งนี้ต้องเตรียมตัวเยอะมาก เริ่มจากฝึกหัดการว่ายน้ำเพื่อให้ได้ท่าทางที่ถูกต้องและสวยงามในระดับของนักกีฬาเยาวชนและเป็นครูสอนว่ายน้ำจริงๆ การฝึกเรียนภาษามือเพื่อให้ใช้เข้าฉากสื่อสารได้อย่างถูกต้องคล่องแคล่ว ฝึกกันเป็นเดือนเลย หัดขี่รถมอเตอร์ไซด์ รู้สึกดีมากเลยที่ได้ร่วมงานกับน้องๆ เพราะโดยปกติจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปดูแลหรือสัมผัสใกล้ชิดกับน้องๆที่เป็นคนพิการ ทั้งทางร่างกาย บกพร่องทางการได้ยิน และตาบอด เท่าไหร่ แต่ทำงานเรื่องนี้จบลงสามารถสื่อสารกับน้องๆได้ ผมรู้สึกทึ่งในการทำความดีของครูพายุมาก ครูพายุเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนสังคม การสอนว่ายน้ำให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสฟรี แค่เรามารับบทเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวสิ่งดีๆที่เขาทำ เรายังต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
เลยในการที่จะต้องสื่อสารหรือสอนน้องๆ ให้เข้าใจให้ได้ ต้องเรียนเพิ่มทั้งภาษามือ ทั้งทักษะในการสอนน้องๆ ในการถ่ายทำเรื่องนี้สนุกมาก สถานที่ถ่ายทำสวยๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเฉพาะที่อ่างแก้ว บรรยากาศดี วิวสวย เป็นอีกหนึ่งฉากที่ประทับใจ รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องนี้ อยากฝากผลงานที่สร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจ ส่งเสริมให้คนทำดี เรื่อง ลมหายใจใต้น้ำ นี้ด้วย ทีมงานทุกคนตั้งใจทำมากและหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่สังคมครับ”
ทัก – ภูชิต อิงชัยภูมิ
รับบท น้องเดี่ยว
น้องเดี่ยว เด็กชายอายุประมาณ 12 ปี พิการ (แขนและขา) ดูแล้วคิดว่าไม่สามารถว่ายน้ำได้แน่นอน ลักษณะเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยพูดกับใคร มีปมด้อยที่คิดว่าเพราะตัวเองพิการทำให้พ่อแม่ทิ้งไป ให้อยู่กับยาย
น้องทัก ด.ช.ภูชิต อิงชัยภูมิ หนุ่มน้อยจากโรงเรียนศรีสังวาลย์ ของมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินราบรมราชชนนี ที่มาพร้อมความน่ารักบวกความเก่งในกีฬาว่ายน้ำ จนคว้าเหรียญและโล่รางวัลเต็มบ้าน กับการทำงานในภาพยนตร์โทรทัศน์ “ลมหายใจใต้น้ำ” นับเป็นงานแสดงครั้งแรกเรื่องแรกในชีวิต แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ความอยากรู้อยากเห็น การมีวินัย การเตรียมตัวเตรียมพร้อมที่จะมารับบทนี้ และการแสดงสด หน้ากล้องที่ ใส บริสุทธิ์ โดยปราศจากการเขินอายแม้จะเป็นการแสดงภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องแรกก็ตาม
“ตอนแรกที่รู้ว่าได้รับเลือกให้เล่นเป็น น้องเดี่ยว ในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องลมหายใจใต้น้ำ ดีใจมากเลยครับ แต่หลังจากได้อ่านบทแบบเต็มๆ แล้ว ก็เริ่มจะกังวล กลัวว่าจะเล่นได้ตามที่พี่ผู้กำกับต้องการหรือเปล่า เพราะผมยังไม่เคยแสดงอะไรมากก่อนเลย มีอย่างเดียวที่ผมคิดว่าทำได้คือว่ายน้ำเท่านั้นเอง ส่วนนอกนั้นก็ต้องเรียนการแสดง
เพิ่มเติมจากครูแอ็คติ่งโค้ชก่อนเปิดกล้องถ่ายทำ ซึ่งตอนถ่ายก็กลับมาเกร็งและกลัวเหมือนเดิม (หัวเราะ) แต่โชคดีที่พี่ๆ ในกองถ่ายใจดี ให้กำลังใจตลอด ไม่กดดัน ปล่อยให้ผมพยายามแสดงอย่างเต็มที่ ผมหวังว่าภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เหมือนผม ได้ลุกขึ้นมาต่อสู่กับความกลัว แล้วมาทำกิจกรรมที่สร้างคุณค่าให้กับตัวเองครับ”
ด.ช.ภูริ สรีระศาสตร์
รับบท ฟ้าลั่น (วัยเด็ก)
เด็กชายฟ้าลั่น วัย 10 ขวบ ที่มีปัญหาสุขภาพมาตั้งแต่เกิดและมักจะโดนเพื่อนๆล้อว่าเป็นเด็กเอ๋อ ด้วยความเป็นเด็กสมาธิสั้น มีอาการชักร่วมด้วย ทำให้พ่อ แม่ห่วงว่าฟ้าลั่นโตไปจะเป็นเด็กมีปัญหาด้านสุขภาพ จึงตัดสินใจส่งฟ้าลั่นไปเรียนว่ายน้ำ และได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดีๆ ของฟ้าลั่นที่ถูกส่งผ่านกีฬาว่ายน้ำไปสู่ผู้อื่นด้วยจิตอาสา
น้องภูมิ เด็กหนุ่มที่ผ่านงานแสดงภาพยนตร์ไทยมาแล้วตั้งแต่ในวัยเพียง 5 ขวบ จากบทบาท น้องภูมิ 1 ใน 10 ของนักแสดงเด็กจอมป่วน ในภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ดรีมทีม” ในครั้งนี้ น้องภูมิ รับบทเด็กขี้โรค อ่อนแอ มาพร้อมกับอาการลมชัก และสมาธิสั้น ด้วยคาแรคเตอร์และรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายพี่หนักแน่น ทำให้ถูกเรียกตัวมาเพื่อรับบท ฟ้าลั่น ในวัยเด็ก
“สำหรับบทของผม เป็นครูฟ้าลั่นตอนเด็กครับ คาแรคเตอร์ก็จะเป็นเด็กสมาธิสั้น พ่อก็เลยพาไปฝึกว่ายน้ำเพื่อบำบัด ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นกีฬาที่ชื่นชอบในที่สุด สำหรับบทนี่ก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรครับ สนุกดี ได้ขึ้นไปถ่ายทำที่เชียงใหม่ด้วย ซีนของผมก็มีทั้งถ่ายที่บ้านพักตีนดอย ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อีกฉากถ่ายสระว่ายน้ำที่สันติธรรม ซึ่งฉากว่ายน้ำ พี่ๆ คอยดูแลเยอะมากครับ ”
ปลาย - ปรเมศร์ น้อยอ่ำ
รับบท พ่อฟ้าลั่น
ปลาย – ปรเมศร์ หนุ่มนักโฆษณาที่ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงคุณภาพระดับมือรางวัล การันตีได้จากรางวัล ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 7 จากภาพยนตร์เรื่อง สามชุก, ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม รางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 18 จากภาพยนตร์เรื่อง สามชุก, ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 19 จากภาพยนตร์เรื่อง สามชุก, ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม สตาร์พิคส์ ไทยฟิล์ม อวอร์ด จากภาพยนตร์เรื่อง สามชุก และ ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม แฮมเบอร์เกอร์วอร์ด จากภาพยนตร์เรื่อง สามชุก และล่าสุดกับผลงานภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง ลมหายใจใต้น้ำ ในบทบาทของนายตำรวจ “พ่อฟ้าลั่น” โดย ปลาย – ปรเมศร์ ได้พูดถึงผลงานเรื่องใหม่นี่ว่า
“ลมหายใจใต้น้ำ” เป็นละครที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับสังคม ซึ่งตัวเอกของเรื่องที่ชื่อ “ฟ้าลั่น” ก็เป็นเด็กที่ไม่ปกติ จัดอยู่ในกลุ่มของเด็กพิเศษคนหนึ่ง สมาธิสั้น มีอาการลมชัก ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ซึ่งคุณพ่อของ ฟ้าลั่น ก็ได้ใช้กีฬาว่ายน้ำมาเป็นตัวช่วยในการรักษาอาการเหล่านี้ ทำให้ฟ้าลั่นมีอาการที่ดีขึ้น และสามารถนำมาช่วยเหลือสังคมให้กับน้องๆ เด็กพิเศษต่อได้อีกด้วย ตัวฟ้าลั่นเป็นตัวที่มีจิตสำนึกในแง่ของการช่วยเหลือสังคม ซึ่งใช้กีฬาว่ายน้ำมาเป็นตัวช่วยให้กับเด็กๆ พิเศษเหล่านี้ เพราะตัวฟ้าลั่นก็มีความเชื่อที่ว่า ตัวเขาเองที่เป็นปกติได้ทุกวันนี้ก็เพราะจากการว่ายน้ำ เขาก็เลยต้องการให้เด็กๆที่มีปัญหาได้รับโอกาสเหมือนที่เขาได้รับมา
ผมเชื่อว่าคนเราสามารถลุกขึ้นมาทำอะไรเล็กๆน้อยๆได้เพื่อสังคม เพื่อคนรอบข้าง หวังว่าภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ได้ดู ได้ลุกขึ้นมาทำประโยชน์ให้กับสังคมบ้าง ถึงจะเล็กน้อยก็ยังดีกว่าที่ไม่ทำ พ่อแม่ทุกคนก็มีความหวังดีกับลูกๆทุกคน อยากให้ลูกๆได้ดี แต่บางครั้งในความหวังดีนั้น จะเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจกัน ความเข็มงวด ก็อยากให้ทั้งผู้ปกครองและลูกๆได้พูดคุยกัน เปิดใจเข้าหากัน ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้น ผมคิดว่าจะเป็นตัวช่วยลดปัญหาความไม่เข้าใจกันในครอบครัวมากขึ้น อยากให้ผู้ชมได้เปิดโอกาสให้กับละครน้ำดีที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไว้ด้วยครับ”
ชลวรีย์ ชุติวัฒน์ขจรชัย
รับบท แม่ฟ้าลั่น
คุณแม่ใจดีที่ค่อยดูแลฟ้าลั่นด้วยความรักความห่วงใยมาโดยตลอด ด้วยความที่ฟ้าลั่นเกิดมามีปัญหาด้านสุขภาพ จึงทำให้คุณแม่เป็นห่วง กลัวว่าลูกจะไม่เหมือนกับเด็กทั่วๆไป
เป็นอีกหนึ่งนักแสดงมากความสามารถที่เคยฝากผลงานไว้ในละครหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะละครยอดฮิตอย่าง ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น (Hormones the series) ซึ่งรับบทเป็น คุณแม่ภู
ต่อ-วัชร วงษ์ศิริฉัตรชัย
รับบทเป็น รุจ
“ต่อ-วัชร” เป็นนักแสดงหนุ่มที่ผ่านงานละครสั้นเรื่องวันที่ระลึก, รักคุ้มค่า และงานโฆษณามาหลายต่อหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็น KFC, ผงซักฟอกเอสเซ้นส์ และประกันชีวิต Allianz Ayudhya ก่อนจะมาเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง ลมหายใจใต้น้ำ
“ ในเรื่องนี้ผมรับบทเป็นรุจ เพื่อนของฟ้าลั่น คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจฟ้าลั่น เป็นคนที่คอยสนับสนุนให้ฟ้าลั่นทำในสิ่งที่ดี ครั้งแรกที่ได้อ่านบทครูฟ้าลั่นเป็นคนที่เจ๋งมาก ด้วยในวัยตอนนั้นที่เค้าอายุ19 ปี เขาสอนเด็กพิการ สอนเด็กตาบอด แล้วย้อนมองกลับมาที่ตัวเองตอนเราอายุ19 เราทำอะไรอยู่ ซึ่งยอมรับว่าผู้ชายคนนี้สุดยอดเลย ซื้อใจเราไปได้เลย รู้สึกดีใจมากที่ได้มาสัมผัสงานภาพยนตร์โทรทัศน์ครั้งแรก ในการถ่ายทำค่อนข้างยากเพราะเป็นการออกกองใหญ่ครั้งแรก การที่เราจะเล่นให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดผมมองว่ามันยากที่สุด เรื่องนี้ได้อยู่กับเด็กๆ เยอะ สนุกดี น้องๆเค้าจะมีความน่ารักในตัวอยู่แล้ว
ฉากที่ประทับใจที่สุดคือฉากเด็กจมน้ำ อย่างแรกที่คนดูจะได้จากละครเรื่องนี้คือการได้เห็นคนๆหนึ่งทำความดี ผู้ชายคนหนึ่งที่มีความตั้งใจในการทำความดีโดยที่ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ถึงแม้ตัวเองจะต้องเหนื่อย โดนแรงกดดันจากพ่อแม่หรืออะไรหลายๆอย่าง มันทำให้เรารู้สึกว่า การทำความดีมันไม่ง่าย แต่ถ้าคิดจะทำเราทำได้แน่นอน สำหรับภาพยนตร์โทรทัศน์ลมหายใจใต้น้ำ เป็นละครสร้างสรรค์สังคม ให้แง่คิด สามารถปลุกสำนึกของคนให้หันมาทำความดีกันมากขึ้น จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนที่ได้ชม ฝากติดตามด้วยนะครับ”
ร่วมแสดงโดย
อารยา เรืองสิร์กุล
รับบท แม่น้องเก็ต
คุณแม่ผู้ที่เจอปัญหาด้านสุขภาพของลูกชายตัวเอง จึงต้องการที่จะให้น้องเก็ตมีสุขภาพแข็งแรง จึงตัดสินใจให้น้องเก็ต เรียนว่ายน้ำกับครูฟ้าลั่น และคอยช่วยเหลือให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับ ฟ้าลั่นมาโดยตลอด
ด.ช.วิพิศน์ พงศ์ศุภนิมิต
รับบท น้องเก็ต
เด็กชายออทิสติกคนแรกที่คุณแม่ตัดสินใจส่งน้องมาเรียนว่ายน้ำกับครูฟ้าลั่น เป็นโจทย์ยากที่สุดในการสอนว่ายน้ำที่สามารถก้าวข้ามความยากให้กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ฟ้าลั่นทำโครงการสอนว่ายน้ำให้แก่เด็กพิเศษ และการเรียนว่ายน้ำส่งผลให้พัฒนาการของน้องเก็ตดีขึ้นอย่างมาก จนสามารถจดจำหมายเลขถนนหลวงได้ทุกสาย
เก๋ - นวพรรณ ไชยวรรณ์ อุทัยยศ
รับบท ครูหน่อย
นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องวารีบำบัด และธาราบำบัด เป็นที่ปรึกษาให้กับฟ้าลั่นในด้านวิชาการ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาให้กับโครงการต่างๆ จนทำให้ได้รับทุนสนับสนุนทำได้สำเร็จ มีใจเมตตา เป็นสาวเหนือ พูดไพเราะ ใจเย็น ตรงข้ามกับฟ้าลั่น แต่ทั้งสองก็ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี
เก่ง - วีระยุทธ สุภารส
รับบทเป็น พี่ต๊อบ (คนบกพร่องทางการได้ยิน)
“ต๊อบ” หนุ่มที่บกพร่องทางการได้ยิน ขายเสื้อยืดแฮนด์เมดกับน้องสาวอยู่ที่ตลาดคนเดิน เป็นบุคคลสำคัญที่คอยสอนฟ้าลั่นเรียนรู้ภาษามือจนประสบความสำเร็จ
ปัจจุบัน เก่ง-วีรยุทธ เป็นอาจารย์อยู่ที่ คณะศึกษาศาสตร์ และ กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สามารถสื่อสารทั้งภาษาพูดแบบคนปกติ และภาษามือได้อย่างคล่องแคล่ว
อันธิกา สุยะ
รับบทเป็น แก้ว (คนบกพร่องทางการได้ยิน)
แก้ว เป็นน้องสาว พี่ต๊อบ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ฟ้าลั่นเรียนรู้ภาษามือได้สำเร็จ สนิทสนมกับฟ้าลั่น จนถูกชาวบ้านนินทาอย่างรุนแรงว่าจะพาไปขายตัว น่ารัก สดใส
น้องกล้วย – อันธิกา สาวน้อยนักศึกษา ปี 4 คณะวิจิตรศิลป์ สาขาภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาพร้อมกับความสดใส น่ารัก สวยหวาน ถือเป็นการแสดงครั้งแรกในชีวิตของน้องกล้วย แต่ทำได้ดีมาก น้องกล้วยให้สัมภาษณ์ด้วยภาษามือว่า
“รู้สึกดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์โทรทัศน์ เรื่องลมหายใจใต้น้ำค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตเลย โชคดีที่ทั้งผู้กำกับและพี่ๆ ทีมงานใจดี คอยพยายามสื่อสารด้วยภาษามือให้เราเข้าใจ ว่าต้องแสดงอารมณ์อย่างไรในแต่ละฉาก สนุกและมีความสุขมากค่ะ ที่สำคัญคือวันนี้พวกเราก็แสดงให้เห็นแล้วว่า คนหูหนวก คนหูดีมีโอกาสเท่าเทียมกัน ต้องขอบคุณครูพายุมากนะคะที่เป็นตัวอย่างที่ดีของการช่วยเหลือ และให้โอกาสน้องๆ หูหนวก ตาบอด ได้เรียนว่ายน้ำ เพื่อเอาชีวิตรอดในยามฉุกเฉิน ฝากติดตามภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องนี้ด้วยนะคะ”
?