กรุงเทพฯ--16 เม.ย.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยผลวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาล่าสุด “พบว่าปริมาณอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่พัทยามีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น ตลาดคอนโดมิเนียมยังครองส่วนแบ่งอุปทานสูงสุด คิดเป็น 94% ของทั้งตลาด โดยอุปทานที่ได้รับการตอบรับดีมีหลายกลุ่มราคา เช่น ราคา 60,000-79,999 บาทต่อตารางเมตร หรือราคา 100,000-119,999 บาทต่อตารางเมตร ในพื้นที่ติดทะเล ได้แก่ โซนวงศ์อมาตย์, โซนพระตำหนัก, โซนหาดจอมเทียน, โซนพัทยา เป็นต้น ลูกค้ามีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ลูกค้าบางส่วนนิยมซื้อห้องชุดเพื่ออยู่อาศัยเอง และบางส่วนซื้อเพื่อลงทุน โดยสามารถปล่อยเช่าให้กับนักท่องเที่ยวได้ ส่วนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแนวราบได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน สอดคล้องกับการลงทุนและพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดแนวราบด้วย
ผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทุนมีทั้งรายใหญ่จากกรุงเทพฯ และรายย่อยในพื้นที่ส่วนใหญ่จะนิยมลงทุน ในบริเวณพื้นที่ติดหรือใกล้ทะเล เพราะเป็นแหล่งลงทุนชั้นดี กลุ่มอุปสงค์ให้ความสำคัญและสนใจมาก เพราะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ง่าย บางโครงการมีชายหาดส่วนตัว ในปัจจุบันโครงการในพื้นที่ติดทะเลลดน้อยลง ผู้ประกอบการที่เข้าไปลงทุนและจับจองในพื้นที่ดังกล่าวก่อนจึงได้เปรียบกว่าคู่แข่งในตลาด อย่างเช่นหลายโครงการที่ติดทะเลหรือใกล้ทะเลเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ เข้าไปลงทุนจำนวนมาก เช่น โครงการจาก บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.แสนสิริ, บมจ.เอส ซี แอสเสท, บมจ.ศุภาลัย, บมจ.ไรมอน แลนด์ เป็นต้น
ในปี 2557 ที่ผ่านมา ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยา อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกจนชะลอตัวไปบ้างเป็นบางช่วง เนื่องจากการหดตัวของจานวนนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงภายในประเทศ รวมไปถึงปัญหานักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวรัสเซียน้อยลงไป เนื่องจากปัญหารอบด้านที่รัสเซียกำลังเผชิญ ทั้งกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน การถูกชาติตะวันตกดำเนินการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการลงทุน และปัญหาค่าเงินรูเบิ้ลของรัสเซียที่ยังอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจุบัน ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ฉุดอำนาจซื้อของชาวรัสเซีย ทั้งลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการท่องเที่ยว ชะลอการลงทุนในไทย และเดินทางเข้ามาในไทยลดน้อยลง หลายผู้ประกอบการในพื้นที่พัทยาบางส่วนที่ได้รับผลกระทบต้องจัดโปรโมชั่นการขายเพื่อกระตุ้นและดึงดูดกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะชาวรัสเซียที่ยังไม่มาโอนในช่วงนี้ รวมถึงดึงดูดกลุ่มลูกค้าตลาดอื่นทดแทนเพื่อกระตุ้นยอดขาย
จากการสำรวจอุปทานใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 - กุมภาพันธ์ 2558 รวมประมาณ 8 เดือน พบจำนวนยูนิตเสนอขายใหม่ลดลง โดยเฉพาะปริมาณห้องชุดที่ตั้งบนพื้นที่ติดชายทะเลเนื่องมาจากผลกระทบดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายได้ชะลอการลงทุนโครงการใหม่และให้ความสำคัญกับโครงการเก่าที่รอปิดการขาย โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลดี ติดทะเล หรือซีวิว เพราะยังมีอุปสงค์รองรับได้ดี แม้ตลาดจะเผชิญปัจจัยลบภายนอก ห้องชุดในพื้นที่ติดหาดยังมีความต้องการจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเช่าที่พักอาศัยในย่านนี้ จึงทาให้กลุ่มอุปสงค์หลายรายถือโอกาสนี้ขายต่อห้องชุดเพื่อทำกำไรในช่วงที่เศรษฐกิจยังชะลอตัว
จากปริมาณอุปทานใหม่ในปี 2558 แม้จำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่จะลดลงจากปีก่อน แต่พื้นที่บริเวณ ติดชายหาดหรือโครงการซีวิวนับว่ายังได้รับการตอบรับที่ดี เช่น บริเวณหาดจอมเทียนและพื้นที่ในโซนพัทยา นอกจากนี้ ในโซนวงศ์อมาตย์ แม้โครงการใหม่ที่มีการเปิดขายอยู่ในปัจจุบันจะเป็นโครงการที่อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเล ยังได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงความต้องการของลูกค้าที่ยังมีความต้องการสูงในพื้นที่นี้ โดยเฉลี่ยยอดขายต่อเดือนสูงถึง 45 ยูนิต หลายโครงการในปีที่ผ่านมาปิดยอดขายได้สูงจนทำให้คงค้างยูนิตเสนอขายโดยรวมไม่ถึง 500 ยูนิตในพื้นที่นี้ ซึ่งคาดว่าปี 2558 นี้วงศ์อมาตย์จะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการแข่งขันสูง และในอนาคตอันใกล้พื้นที่พัทยาจะมีการปรับผังเมืองใหม่ในหลายพื้นที่ที่เคยระบุให้เป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยที่มีความหนาแน่นน้อยจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยที่มีความหนาแน่นปานกลาง สามารถพัฒนาสิ่งปลูกสร้างได้มากขึ้นทั้งโรงแรมและที่อยู่อาศัย โดยในโซนวงศ์อมาตย์, โซนพระตำหนัก, โซนนาจอมเทียน-บางเสร่ ฯลฯ จะถูกเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วยเช่นกัน คาดว่าราคาอสังหาฯ ในอนาคต น่าจะมีการปรับราคาขายสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ติดหาดหรือซีวิว เพราะถือว่าเป็นจุดขายของโครงการและมีความต้องการสูง ผู้บริโภคจะมีทางเลือกสูงขึ้น ในการซื้อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมและอุปทานในพื้นที่ที่ติดชายทะเลจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เช่นเดิม โครงการที่เปิดขายในพื้นที่เหล่านี้อาจมีการปรับราคาขายได้สูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นโครงการที่อยู่เรียบชายหาดมีแนวโน้มที่ราคาขายและราคาปล่อยเช่าสูงขึ้นด้วย ต้นทุนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคตอาจขยับสูงขึ้นจนทำให้พื้นที่อย่างวงศ์อมาตย์ที่เดิม มีราคาขายสูงสุดกว่าทุกพื้นที่อยู่แล้ว จะขยับราคาเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 10-15% ดังนั้น โครงการที่เสนอขายอยู่ในปัจจุบัน อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่กลุ่มลูกค้าจะจับจองเพราะอาจมีราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ตลาดพัทยาจะเกิดการขยายตัวอีกครั้งหลังจากการปรับผังเมืองครั้งใหม่ ภายใต้การผลักดันเชิงนโยบายของภาครัฐที่พยายามช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุนภายในประเทศ ภายหลังการเปิด AEC ความต้องการอสังหาฯ จากกลุ่มต่างชาติ เช่น แถบเอเชีย อาจจะเข้าประเทศสูงขึ้น ทั้งปริมาณนักท่องเที่ยวและแรงงาน กลุ่มอุปทานใหม่ในพื้นที่พัทยาอาจจะเกิดการขยายตัวอีกครั้ง ซึ่งน่าจะทำให้ราคาและความต้องการซื้อขยับสูงขึ้นมากกว่าปัจจุบัน