กรุงเทพฯ--16 เม.ย.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
ผลการสำรวจในไทยชี้ กว่าครึ่งหนึ่งของบุคลากร Gen X และ Gen Y ยอมให้ “ลดเงินเดือน” เพื่อแลกกับความยืดหยุ่นในการทำงาน และ 100 เปอร์เซ็นต์ ของบุคลากรทั้งหมดเลือก “สมาร์ทโฟน” เมื่อจำเป็นต้องเลือกเพียงอุปกรณ์เดียวสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว
คนทำงานรุ่นเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ (Generation X) และเจนเนอเรชั่นวาย (Generation Y) หรือมิลเลนเนียล (Millennial) ต้องการสไตล์การทำงานที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยนายจ้างได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อรองรับทัศนคติที่เปลี่ยนไป จากรายงาน Cisco Connected World Technology Report (CCWTR) ประจำปี 2557 นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังเปิดเผยว่า ภายในปี 2563 คนทำงานรุ่น Generation X และ Y ส่วนใหญ่เชื่อว่า สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Device) จะกลายเป็นอุปกรณ์ “เชื่อมต่อ” ที่สำคัญที่สุดสำหรับบุคลากร ขณะที่แล็ปท็อปยังคงเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับสถานที่ทำงาน
โดยรวมแล้ว รายงาน CCWTR แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เทคโนโลยีจะส่งผลต่อรูปแบบการทำงานในอนาคต และอุปกรณ์ แอพพลิเคชั่น และโซลูชั่นที่คนรุ่นเหล่านี้ชื่นชอบจะรองรับการทำงานในรูปแบบใหม่ๆอย่างไรบ้าง รวมถึงการเกิดใหม่ของสุดยอดคนทำงาน หรือ "Supertasker" ซึ่งใช้งานอุปกรณ์ 4 เครื่อง และทัศนคติที่เปลี่ยนไปของคนทำงานและองค์กรธุรกิจที่มีต่อการทำงานจากที่ใดก็ได้ (44 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่นมิลเลนเนียลรู้สึกว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำงานจากออฟฟิศ), การใช้งานแอพพลิเคชั่น (ผู้ตอบแบบสอบถาม 6 ใน 10 คนชอบที่จะใช้ปากกาและกระดาษมากกว่าโปรแกรมจดบันทึกยอดนิยม) และการรับสมัครบุคลากรทั่วโลก (50 เปอร์เซ็นต์ของผู้จัดการฝ่ายบุคลากรจะว่าจ้างคนทำงานจากการสัมภาษณ์ทางวิดีโอเท่านั้น)
สำหรับประเทศไทย ผลการสำรวจความคิดเห็นในประเทศไทยในส่วนของบุคลากร Gen X, บุคลากร Gen Y และพนักงานฝ่าย HR สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการทำงานของคนไทย รวมถึงผลกระทบจากเทคโนโลยีต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานในปัจจุบันและอนาคต ผลกระทบของอดีไวซ์ต่างๆ แอพ และโซลูชั่นที่ใช้โดยบุคลากรเหล่านี้ต่อรูปแบบใหม่ในการทำงาน รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากอุปกรณ์อัจฉริยะ และการสร้างสรรค์แนวทางใหม่ๆในการเชื่อมต่อของบุคลากรรุ่นใหม่
ในประเทศไทย กว่าครึ่งหนึ่งของบุคลากร Gen X (95 เปอร์เซ็นต์) และ Gen Y (72 เปอร์เซ็นต์) ต้องการที่จะเป็นอิสระจากตารางเวลาทำงาน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นตามปกติ ขณะที่กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม (54 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่าบริษัทของตนเองอนุญาตให้ทำงานจากบ้าน และ 44 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X และ 56 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen Y สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งจากที่บ้านและออฟฟิศ อีกทั้ง 87 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X เชื่อว่า องค์กรที่ปรับใช้รูปแบบการทำงานนอกสถานที่ผ่านอุปกรณ์พกพาอย่างยืดหยุ่น มีความได้เปรียบด้านการแข่งขันเหนือกว่าคู่แข่งที่ให้พนักงานทำงานในออฟฟิศ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ผลการสำรวจยังระบุด้วยว่า บุคลากรของไทยมองว่า “สมาร์ทโฟน” คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด กล่าวคือ 100 เปอร์เซ็นต์ ของบุคลากรที่ตอบแบบสอบถามเลือกสมาร์ทโฟนเมื่อจำเป็นต้องเลือกเพียงอุปกรณ์เดียวสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากรายงาน CCWTR ซึ่งระบุว่าบุคลากร Gen X และ Gen Y เชื่อว่าสมาร์ทโฟนคืออุปกรณ์เชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดสำหรับบุคลากรภายในปี 2563
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบที่อุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น อุปกรณ์สวมใส่ (wearables) ที่มีผลต่อระบบไอทีและผู้กำหนดกลยุทธ์ด้านไอที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน หรือ Internet of Everything (IoE) ซึ่งจะสร้างการเชื่อมต่อรูปแบบใหม่ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงการติดต่อสื่อสารสำหรับคนทำงานรุ่นอนาคต เช่นเดียวกับปีก่อนหน้า รายงาน CCWTR แสดงถึงทัศนคติ ความคาดหวัง และพฤติกรรมของคนทำงานรุ่นอนาคตในประเทศต่างๆทั่วโลก โดยในปีนี้มีการเพิ่มเติมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบุคลากรรุ่น Gen X และพนักงานฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) รวมถึงทัศนคติที่มีต่อความสามารถในการเชื่อมต่อ (เหนือความจำเป็นทางกายภาพ), ความคิดเห็นเกี่ยวกับความพร้อมใช้งานของระบบสื่อสารที่ใช้ในการทำงาน (24 ชั่วโมง 7 วัน) รวมถึงประเด็นที่ว่าความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลอย่างไรต่อนโยบายทางด้านไอทีและการรักษาความปลอดภัยขององค์กร การพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ และความสามารถด้านการแข่งขันของธุรกิจ
ภาพรวม
รายงาน Cisco Connected World Technology Report สำรวจตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมของมนุษย์ อินเทอร์เน็ต และการใช้เครือข่าย การตรวจสอบความสัมพันธ์ที่ว่านี้เผยให้เห็นข้อมูลเกี่ยวกับขีดความสามารถด้านการแข่งขันของบริษัทท่ามกลางอิทธิพลของแนวโน้มไลฟ์สไตล์ที่มีการใช้เทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง รายงานระดับโลกนี้อ้างอิงการสำรวจความคิดเห็นของบุคลากรอายุ 18 ถึง 50 ปีใน 15 ประเทศ พร้อมทั้งจัดหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาท้าทายในปัจจุบันที่บริษัทต่างๆ ต้องเผชิญ ขณะที่พยายามรักษาสมดุลระหว่างความต้องการของพนักงานและองค์กรธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต ท่ามกลางความสามารถทางด้านโมบิลิตี้ที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และเทคโนโลยีที่นำเสนอข้อมูลทุกที่ทุกเวลา
ประเด็นสำคัญของผลการศึกษาจาก 15 ประเทศ
** สถานที่ทำงานในอนาคต **
"Supertasker" หรือ “พนักงานที่ทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันและทำได้ดี” เป็นพนักงานที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในอนาคตหรือไม่?
กว่า 4 ใน 10 ของคนทำงานรุ่น Gen X และ Gen Y รวมถึงเกือบ 6 ใน 10 ของพนักงานฝ่าย HR มองว่าตนเองเป็น "Supertasker" ซึ่งหมายถึงบุคคลที่สามารถทำงานมากกว่าสองอย่างในเวลาเดียวกันได้เป็นอย่างดี
ราวครึ่งหนึ่งของบุคลากรรุ่น Gen X และ Gen Y เชื่อว่า การทำงานแบบ Supertasking จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และในทำนองเดียวกัน บุคลากรฝ่าย HR (62 เปอร์เซ็นต์) เชื่อว่า Supertasker ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับองค์กรโดยรวม
เกือบ 2 ใน 3 เชื่อว่าในปี 2563 การทำงานแบบ Supertasking จะเป็นที่ต้องการมากที่สุดสำหรับองค์กร
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ระบุว่าตนเองกำลังเรียนรู้ที่จะเป็น Supertasker ด้วยการจัดการชีวิตส่วนตัว และส่วนใหญ่มักจะผสมผสานกิจกรรมเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรรุ่น Gen X (70 เปอร์เซ็นต์)
คนทำงานรุ่น Gen X เทียบกับรุ่น Gen Y
บุคลากรกว่า 4 ใน 10 คนเชื่อว่า พนักงานรุ่น Gen Y มีประสิทธิภาพในการทำงานแบบ Supertasking มากที่สุด เมื่อเทียบกับคนรุ่นอื่นๆ
60 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากรรุ่น Gen X และ 81 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากรฝ่าย HR เชื่อว่า พนักงาน Gen Y สามารถทำงานได้รวดเร็วกว่าพนักงานรุ่นเก่า ด้วยการใช้อุปกรณ์พกพาและโมบายล์แอพ
นอกจากนั้น พนักงานฝ่าย HR ราว 7 ใน 10 คนคิดว่า พนักงานรุ่น Gen Y สามารถทำงานได้เร็วกว่า หากเขาได้รับอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์พกพาและโมบายล์แอพ แทนที่จะใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป แล็ปท็อป หรือโน้ตบุ๊ก
อนาคตของฝ่าย HR และฝ่ายสรรหาบุคลากร
พนักงานฝ่าย HR เกือบ 6 ใน 10 (58 เปอร์เซ็นต์) เต็มใจที่จะว่าจ้างผู้สมัครโดยเพียงแค่สัมภาษณ์ผู้สมัครผ่านการประชุมด้วยวิดีโอ (โดยไม่ต้องดำเนินการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว)
เมื่อสอบถามความคิดเห็นทั่วไปเกี่ยวกับผู้จัดการฝ่ายบุคคล พนักงาน 50 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า ผู้จัดการฝ่ายบุคคลมีทัศนคติเปิดกว้างต่อการว่าจ้างพนักงานโดยไม่ต้องมีการสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัว
อวสานของเวลาทำงานตามปกติ – ไลฟ์สไตล์ที่มีการเชื่อมต่อตลอดเวลา
พนักงานกว่าครึ่งหนึ่ง (Gen X และ Gen Y) คิดว่าตนเองพร้อมทำงานทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึง 3 ใน 10 คนที่สามารถติดต่อได้ทั้งทางอีเมลและโทรศัพท์
เวลาทำงาน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นยังมีอยู่อีกหรือ? ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่คิดว่าเวลาทำงานน่าจะเป็น 7 โมงเช้าถึง 8 โมง และ 9 โมงถึงเที่ยง ต่อด้วยบ่ายสองถึงห้าโมงเย็น และสามทุ่มถึงสี่ทุ่ม
ตารางเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ ราวหนึ่งในสี่ของพนักงานรุ่น Gen X และ Gen Y ระบุว่า องค์กรของตนอนุญาตให้ทำงานจากที่บ้านได้
ที่น่าสนใจก็คือ พนักงานรุ่น Gen Y ที่มีโอกาสทำงานนอกสถานที่มีแนวโน้มที่จะชอบทำงานที่ออฟฟิศมากกว่าพนักงานรุ่น Gen X
การรับประทานอาหารกลางวันตอนบ่ายสามกลายเป็นเรื่องปกติ: คนรุ่น Gen X & Y ชอบตารางเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น และยินดีที่จะทำงานนอกเวลางานปกติเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
บุคลากรมีความเห็นแตกต่างกันอย่างครึ่งๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับวันทำงานปกติของพนักงานทั่วไป โดยเกือบครึ่งหนึ่งระบุว่าตนเองต้องการอิสระในการทำงานและเล่นสนุกได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่มีข้อจำกัด (เทียบกับเวลาทำงานตามปกติ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น จันทร์ถึงศุกร์)
บุคลากรรุ่น Gen X ส่วนใหญ่เชื่อว่า พนักงาน Gen Y ชื่นชอบเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นมากกว่า แต่บุคลากร Gen Y มีแนวโน้มที่จะชอบเวลาทำงานปกติแบบเดิมๆมากกว่า (54 เปอร์เซ็นต์)
บุคลากรประมาณหนึ่งในสี่ได้รับการว่าจ้างโดยองค์กรที่อนุญาตให้ทำงานจากที่บ้าน โดยมีเพียง 28 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y, 19 เปอร์เซ็นต์ของ Gen X และ 6 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานฝ่าย HR เท่านั้นที่ชอบทำงานในออฟฟิศมากกว่าที่บ้าน
บุคลากร Gen Y ส่วนใหญ่ (44 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่าตนเองมีสมาธิและประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อทำงานในออฟฟิศ ขณะที่พนักงาน Gen X (38 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่าตนเองมีสมาธิและประสิทธิภาพเท่ากันทั้งที่บ้านและในออฟฟิศ
“ความยืดหยุ่นในเวลาการทำงาน” คือ เครื่องมือดึงดูดบุคลากร
บุคลากร 2 ใน 3 เชื่อว่าองค์กรที่ปรับใช้รูปแบบการทำงานนอกสถานที่ที่ยืดหยุ่น มีความได้เปรียบด้านการแข่งขันมากกว่าองค์กรที่กำหนดให้พนักงานประจำอยู่ในออฟฟิศ ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์
ราวครึ่งหนึ่งของพนักงาน Gen X และ Gen Y รู้สึกว่าฝ่ายทรัพยากรบุคคลกำลังปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับสไตล์การทำงานแบบโมบายล์ที่ยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับพนักงาน แต่พนักงานเกือบหนึ่งในสามรู้สึกว่าการปรับเปลี่ยนดังกล่าวยังไม่เร็วพอ
จากมุมมองของฝ่าย HR ราว 56 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า ฝ่าย HR ได้ปรับใช้หรือมีแผนที่จะปรับใช้สไตล์การทำงานแบบโมบายล์ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
ความยืดหยุ่นในการทำงาน และเงินเดือน
โดยรวมแล้ว พนักงานไม่เต็มใจที่จะยอมลดเงินเดือนเพื่อแลกกับการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น แต่พนักงานในฝ่าย HR เต็มใจที่จะทำเรื่องนี้มากที่สุด โดย 4 ใน 10 ระบุว่าตนเองยอมรับการปรับลดเงินเดือน ในทำนองเดียวกัน บุคลากรฝ่าย HR เต็มใจที่จะยอมรับการลดเงินเดือนมากที่สุด โดย 56 เปอร์เซ็นต์ยอมรับการปรับลดเงินเดือนมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ (เทียบกับ 35 เปอร์เซ็นต์ของพนักงาน Gen Y และ 34 เปอร์เซ็นต์ของพนักงาน Gen X)
แม้ว่าเงินเดือนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ความยืดหยุ่นในการกำหนดตารางเวลาของตนเองหรือความสามารถในการทำงานนอกสถานที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับพนักงาน Gen X และ Gen Y ราว 1 ใน 5 คน รวมถึงพนักงานฝ่าย HR ราว 1 ใน 3 คน
** อุปกรณ์และอุปกรณ์สวมใส่ (Wearables) **
กระแส BYOS (Bring Your Own Stuff) คือ BYOD รูปแบบใหม่
ปัจจุบัน การนำเอาอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในที่ทำงาน (Bring Your Own Device – BYOD) ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยพนักงานฝ่าย HR ราว 4 ใน 10 คนระบุว่า พนักงานทั้งหมดภายในองค์กรได้รับอนุญาตให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ใดๆ เข้ากับเครือข่ายขององค์กร เพื่อรองรับการทำงาน
อินเทอร์เน็ตเป็นทรัพยากรพื้นฐานที่สำคัญกว่าประสาทการรับกลิ่น
เกือบครึ่งหนึ่ง (42 เปอร์เซ็นต์) ยอมที่จะสละประสาทการรับกลิ่นของตนเอง เพื่อแลกกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากจำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเกือบครึ่งหนึ่ง (42 เปอร์เซ็นต์) จะเลือกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากกว่าประสาทการรับกลิ่น
ไฟฟ้าหรือออนไลน์…อะไรสำคัญกว่ากัน?
กว่า 1 ใน 3 ยินดีที่จะสละไฟฟ้าภายในบ้านนานหนึ่งสัปดาห์ แทนที่จะยอมเลิกใช้สมาร์ทโฟนชั่วคราว
คุณห่วงอะไรมากกว่า ระหว่างกระเป๋าสตางค์กับสมาร์ทโฟน?
54 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y และ 38 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen X มองหาสมาร์ทโฟนเป็นอย่างแรกทันทีที่ตื่นนอน นอกจากนั้น ราว 1 ใน 5 ของทั้งสองกลุ่มจะกังวลเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนมากที่สุดในกรณีที่ถูกจี้ปล้น
รายงานเกี่ยวกับ “อวสานของแล็ปท็อป” เป็นเรื่องที่กล่าวเกินจริง
ถ้าต้องเลือกอุปกรณ์เดียว พนักงานส่วนใหญ่ (ราว 40 เปอร์เซ็นต์) จะเลือกแล็ปท็อปทั้งสำหรับการทำงานและการใช้งานส่วนตัว
ถึงกาลอวสานของเว็บไซต์?
มีพนักงาน Gen X และ Gen Y เพียงแค่ 1 ใน 4 เท่านั้นที่เชื่อว่าเว็บไซต์จะเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของคนเราอยู่เสมอ และที่น่าสนใจก็คือ 21 เปอร์เซ็นต์คิดว่า เว็บไซต์จะถูกแทนที่ด้วยแอพ แต่ก็ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า
ในหลายๆ โอกาสตลอดทั้งสัปดาห์ ประมาณ 1 ใน 4 ระบุว่าตนเองใช้แอพตลอดทั้งวัน
Facebook คือทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับโปรแกรมโซเชียลมีเดียบนสมาร์ทโฟน
อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable) จะมีความสำคัญมากกว่าสมาร์ทโฟน
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เชื่อว่า ในปี 2563 อุปกรณ์เชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดสำหรับคนทำงานคือ สมาร์ทโฟน พนักงาน Gen X ที่เชื่อว่าอุปกรณ์สวมใส่จะมีความสำคัญมากที่สุดมีจำนวนมากกว่าพนักงาน Gen Y เล็กน้อย
สำหรับผลการสำรวจความคิดเห็นในประเทศไทย กว่าครึ่งหนึ่งของบุคลากร Gen X (95 เปอร์เซ็นต์) และ Gen Y (72 เปอร์เซ็นต์) ต้องการที่จะเป็นอิสระจากตารางเวลาทำงาน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นตามปกติ ขณะที่กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม (54 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่าบริษัทของตนเองอนุญาตให้ทำงานจากบ้าน และ 44 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X และ 56 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen Y สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งจากที่บ้านและออฟฟิศ อีกทั้ง 87 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X เชื่อว่า องค์กรที่ปรับใช้รูปแบบการทำงานนอกสถานที่ผ่านอุปกรณ์พกพาอย่างยืดหยุ่น มีความได้เปรียบด้านการแข่งขันเหนือกว่าคู่แข่งที่ให้พนักงานทำงานในออฟฟิศ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ผลการสำรวจยังระบุด้วยว่า บุคลากรของไทยมองว่า “สมาร์ทโฟน” คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด กล่าวคือ 100 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากรที่ตอบแบบสอบถามเลือกสมาร์ทโฟนเมื่อจำเป็นต้องเลือกเพียงอุปกรณ์เดียวสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากรายงาน CCWTR ซึ่งระบุว่าบุคลากร Gen X และ Gen Y เชื่อว่าสมาร์ทโฟนคืออุปกรณ์เชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดสำหรับบุคลากรภายในปี 2563
ประเด็นสำคัญจากผลการศึกษาในประเทศไทย
อินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยพื้นฐานรองรับไลฟ์สไตล์ออนไลน์
ราว 70 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen Y เลือกที่จะมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แทนการมีประสาทการรับรสและประสาทการรับกลิ่น ขณะที่คนรุ่น Gen X ส่วนใหญ่ (91 เปอร์เซ็นต์) เลือกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากกว่าประสาทการรับกลิ่น
ทันทีที่ตื่นนอนในตอนเช้า ส่วนใหญ่ (75 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X และ 87 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen Y) มองหาสมาร์ทโฟนก่อนที่จะมองหาบุคคลอันเป็นที่รัก
หากถูกจี้ปล้น ทั้งบุคลากร Gen X และ Gen Y เป็นกังวลเกี่ยวกับกระเป๋าสตางค์มากที่สุด รองลงมาคือสมาร์ทโฟน
บุคลากร Gen X และ Gen Y กว่า 4 ใน 10 คนเชื่อว่า เว็บไซต์จะยังคงมีอยู่ในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่การใช้งานและความสำคัญจะลดน้อยลง เมื่อเทียบกับแอพ
ที่น่าสนใจก็คือ 75 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X จะยอมสละการใช้ไฟฟ้า แทนที่จะยอมเลิกใช้สมาร์ทโฟนนานหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่ 76 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen Y จะเลือกไฟฟ้ามากกว่าสมาร์ทโฟน อย่างไรก็ตาม 73 เปอร์เซ็นต์ของ Gen Y จะยอมสละการมีเพศสัมพันธ์นานหนึ่งเดือน แทนที่จะหยุดใช้สมาร์ทโฟนหนึ่งเดือน
ความยืดหยุ่นในการทำงานในสถานที่ทำงาน
กว่าครึ่งหนึ่งของ Gen X (95 เปอร์เซ็นต์) และ Gen Y (72 เปอร์เซ็นต์) ต้องการที่จะเป็นอิสระจากตารางเวลาการทำงานตามปกติ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น
ในเรื่องของความยืดหยุ่นในการทำงาน 87 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X เชื่อว่า องค์กรที่ปรับใช้รูปแบบการทำงานนอกสถานที่ผ่านอุปกรณ์พกพาอย่างยืดหยุ่น มีความได้เปรียบด้านการแข่งขันเหนือกว่าคู่แข่งที่กำหนดให้พนักงานทำงานในออฟฟิศตามเวลาปกติ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น วันจันทร์ถึงศุกร์
ผลการสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่า กว่าครึ่งหนึ่งของบุคลากร Gen X (69 เปอร์เซ็นต์) และ Gen Y (58 เปอร์เซ็นต์) ยอมให้ลดเงินเดือนเพื่อแลกกับความยืดหยุ่นในการทำงาน และระบุว่าการปรับเปลี่ยนของฝ่าย HR เพื่อรองรับสไตล์การทำงานผ่านอุปกรณ์พกพาที่ยืดหยุ่นมากขึ้นยังไม่รวดเร็วพอ
กว่า 4 ใน 10 ของบุคลากร Gen X (44 เปอร์เซ็นต์) และ 56 เปอร์เซ็นต์ของ Gen Y ระบุว่า ตนเองมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อทำงานในออฟฟิศ ขณะที่กว่าครึ่งหนึ่งของ Gen X (66 เปอร์เซ็นต์) และ Gen Y (71 เปอร์เซ็นต์) ชอบที่จะทำงานทั้งที่บ้านและที่ออฟฟิศ
กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม (54 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่าบริษัทของตนเองอนุญาตให้ทำงานจากที่บ้าน ขณะที่ 4 ใน 10 ของ Gen X และ 56 เปอร์เซ็นต์ของ Gen Y สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งที่บ้านและที่ออฟฟิศ
?
อนาคตของการทำงาน
ในอีก 5 ปีข้างหน้า (2563) ราว 85 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X และ 55 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานฝ่าย HR เชื่อว่า พวกเขาอาจไม่ต้องทำงานประจำอยู่ในออฟฟิศตามเวลาเปิดทำการปกติ แต่จะไปออฟฟิศตามเวลาทำงานที่ตนเองต้องการได้
ขณะที่ 67 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen Y เชื่อว่า 50–74% ของพนักงานทั่วไปจะเปลี่ยนจากการทำงาน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น เป็นรูปแบบที่ยืดหยุ่นและรูปแบบการทำงานนอกสถานที่
ในปี 2563 ประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า ออฟฟิศจะยังคงมีอยู่ แต่โดยมากแล้วจะมีแค่ยห้องประชุม โดยโต๊ะทำงาน และห้องทำงานจะน้อยลง
85 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X และ 75 เปอร์เซ็นต์ของ Gen Y เชื่อว่า “สมาร์ทโฟน” จะเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดสำหรับคนทำงาน ขณะที่ 25 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า “อุปกรณ์สวมใส่ที่เชื่อมต่อได้’” (Connected Wearable) จะมีบทบาทสำคัญที่สุดสำหรับคนทำงาน
67 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานฝ่าย HR เชื่อว่า ผู้จัดการในองค์กรไม่จำเป็นต้องทำงานที่ออฟฟิศวันจันทร์ถึงศุกร์ เพราะองค์กรมีสาขากระจัดกระจายทั่วประเทศและทั่วโลก
“Supertasker” หรือ “พนักงานที่ทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันและทำได้ดี” เป็นพนักงานที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในอนาคต
บุคลากร Gen X และ Gen Y ประมาณ 6 ใน 10 คน รวมถึงพนักงานฝ่าย HR เกือบ 4 ใน 10 คน คิดว่าตนเองเป็น “Supertasker” ซึ่งหมายถึงบุคคลที่สามารถทำงานมากกว่าสองอย่างในเวลาเดียวกันได้เป็นอย่างดี
4 ใน 10 ของบุคลากร Gen X และ Gen Y มองว่าตนเองเป็น Supertasker โดยอ้างว่าการทำงานแบบ Supertasking ช่วยให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในสถานที่ทำงาน และ 6 ใน 10 ของพนักงานฝ่าย HR เชื่อว่า Supertasker สร้างความคาดหวังที่สูงขึ้นสำหรับ “บุคลากรที่มีประสิทธิภาพสูง” (High Performer)
56 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากร Gen X เชื่อว่าตนเองมีประสิทธิภาพมากกว่าพนักงานรุ่น Gen Y
71 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานฝ่าย HR เชื่อว่าคนรุ่น Gen Y ทำงานได้รวดเร็วกว่าพนักงานรุ่นเก่าในส่วนของการใช้แล็ปท็อปและสมาร์ทโฟน และจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำงานแบบ Supertasking
ในปี 2563 พนักงานฝ่าย HR ราว 9 ใน 10 คนระบุว่า ‘Supertasker’ เป็นพนักงานที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด
อนาคตของฝ่าย HR และฝ่ายสรรหาบุคลากร
72 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานฝ่าย HR ยังคงเชื่อว่าเวลาทำงานปกติที่เหมาะสมสำหรับพนักงานทั่วไปคือ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น
พนักงานฝ่าย HR แบ่งเป็นสองกลุ่มเกือบเท่าๆกันที่เห็นด้วยกับการที่องค์กรกำหนดให้พนักงานเข้าทำงานในออฟฟิศวันจันทร์ถึงศุกร์ (50 เปอร์เซ็นต์) แลการที่พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้เป็นบางครั้งบางคราว เช่น วันศุกร์ (45 เปอร์เซ็นต์)
60 เปอร์เซ็นต์ของฝ่าย HR อนุญาตให้พนักงานใช้อุปกรณ์ใดก็ได้เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายสำหรับการทำงาน
63 เปอร์เซ็นต์ของฝ่าย HR ได้ปรับใช้รูปแบบการทำงานแบบโมบายล์ที่ยืดหยุ่นสำหรับองค์กร
เกือบ 6 ใน 10 (58 เปอร์เซ็นต์) ของพนักงานฝ่าย HR เต็มใจที่จะว่าจ้างผู้สมัครโดยเพียงแค่สัมภาษณ์ผู้สมัครผ่านการประชุมด้วยวิดีโอ (โดยไม่ต้องดำเนินการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว)
เมื่อสอบถามความคิดเห็นทั่วไปเกี่ยวกับผู้จัดการฝ่ายบุคคล พนักงาน 50 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า ผู้จัดการฝ่ายบุคคลมีทัศนคติเปิดกว้างต่อการว่าจ้างบุคคลโดยไม่ต้องมีการสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัว
ในเรื่องการว่าจ้างบุคลากรโดยพิจารณาจากวัฒนธรรมขององค์กร พนักงานฝ่าย HR มีความเห็นต่างเป็นสัดส่วนพอๆ กันในประเด็นที่ว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ การมีพนักงานที่เก่งที่สุด (48 เปอร์เซ็นต์) หรือการมองหาพนักงานที่เหมาะกับวัฒนธรรมองค์กรมากที่สุด (52 เปอร์เซ็นต์)
พนักงานฝ่าย HR ส่วนใหญ่ (79 เปอร์เซ็นต์) เชื่อว่า ทักษะด้านองค์กรมีความสำคัญที่สุดต่อผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่กำลังมองหาพนักงานในตำแหน่งระดับเริ่มต้น
ด้วยความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอีก 5 ปีข้างหน้า พนักงานฝ่าย HR ราว 5 ใน 10 คนเชื่อว่าจะไม่จำเป็นต้องโอน/ย้ายพนักงาน เพราะองค์กรจะรองรับการทำงานแบบโมบายล์ และพนักงานจะกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
คำกล่าวสนับสนุนจากซิสโก้
คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีนของซิสโก้
“ทุกวันนี้ พนักงานบริษัทต้องการที่จะเข้าถึงเครื่องมือการสื่อสารและการทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว เราคาดว่าเครื่องมือเหล่านี้จะพร้อมใช้งานอยู่เสมอ บนทุกอุปกรณ์ ทุกที่ทุกเวลา ข้อมูลจากรายงาน Cisco Connected World Technology Report นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความท้าทายที่บริษัทต่างๆจะต้องเผชิญทั้งในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ยังช่วยให้องค์กรธุรกิจได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยเสริมสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในเรื่องของการตัดสินใจด้านไอทีและกระบวนการ HR พร้อมทั้งแนะนำแนวทางใหม่ๆ สำหรับการปรับใช้เครื่องมือและโซลูชั่นทางด้านเทคโนโลยีในสถานที่ทำงาน
จากผลการสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์ที่ดำเนินการโดย Initiative Global ชี้ว่า คนรุ่น Gen Y หรือมิลเลนเนียลในประเทศไทยมีสมาร์ทโฟน 81 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับอีก 19 ประเทศ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่เพียงแค่ 45 เปอร์เซ็นต์ (Initiative Global, ธันวาคม 2557) ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนว่าคนรุ่น Gen Y ในไทยมีความพร้อมสำหรับไลฟ์สไตล์แบบออนไลน์ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ขณะที่คนรุ่น Gen Y เข้าทำงานในบริษัทของไทยเพิ่มมากขึ้น บริษัทก็จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การทำงานให้มีลักษณะยืดหยุ่นและเป็นแบบโมบายล์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้พนักงานเหล่านี้ทำงานกับบริษัทอย่างยาวนาน ซิสโก้จะให้ความช่วยเหลือในการปรับใช้วิธีการทำงานรูปแบบใหม่ๆ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในการทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวไปพร้อมๆกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่องค์กรธุรกิจของไทย”
คำกล่าวสนับสนุนจากบุคลากร Gen X, Gen Y และฝ่าย HR
คุณวลัยดาว ทองชนะ, พนักงานราชการองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตำบลบางสัก จังหวัดตรัง (บุคลากร Gen X)
“ปัจจุบัน เทคโนโลยีด้านการทำงานร่วมกันและโซเชียลมีเดียช่วยให้เรามีอิสระที่จะทำงานได้อย่างยืดหยุ่นทุกที่ทุกเวลาบนทุกอุปกรณ์ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ดิฉันสามารถติดต่อกับประชาชนในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบได้ทุกเวลา ถึงแม้ว่าเราจะทำงานในหน่วยงานราชการ แต่ความยืดหยุ่นในการทำงานถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ต่างกับภาคเอกชน เพราะจะช่วยให้เราสามารถติดต่อกับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล และให้บริการได้อย่างฉับไว เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทันท่วงที”
คุณสุทิศา เย็นสุดใจ, เจ้าของกิจการ, บริษัท คาร์เพนซีด จำกัด (บุคลากร Gen Y)
“ดิฉันเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองด้านการให้บริการและการออกแบบของตกแต่งที่ทำจากไม้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เทคโนโลยีช่วยให้เราขยายธุรกิจและเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และเราสามารถจัดส่งสินค้าได้ทันทีภายในวันเดียวหรือในวันถัดไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ทุกวันนี้เราสามารถทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น เพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณก็สามารถสร้างธุรกิจของตัวเอง หรือปรับใช้ธุรกิจที่เหมาะกับความต้องการได้อย่างลงตัว
เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียช่วยให้รูปแบบการทำงานของดิฉันมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น วันนี้แทบจะไม่มีเรื่องของการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตทำงานและชีวิตส่วนตัวอีกต่อไป เพราะทั้งสองส่วนนี้ได้ผสมผสานกันจนเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ปัจจุบันเทคโนโลยีได้ทำลายเส้นแบ่งระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว และเราสามารถทำงานได้อย่างฉลาดมากขึ้น ไม่ใช่ทำงานหนักมากขึ้น หากเรารู้วิธีที่จะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย”
คุณกัญรส สุทธิกุล, ผู้จัดการฝ่าย HR บริษัท จีเนติก ออแกไนเซอร์ จำกัด (บุคลากร HR)
“รูปแบบการทำงานของเรากำลังเปลี่ยนไป โดยจะมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น ทุกวันนี้องค์กรส่วนใหญ่พยายามที่จะปรับใช้วิธีการทำงานในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับบุคลากรคนรุ่นใหม่ แนวคิดเรื่อง “การทำงานผ่านการเชื่อมต่อ” (Connecting to Work) เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น และดิฉันคิดว่าการทำงาน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นตามรูปแบบเดิมๆ จะค่อยๆ หายไป เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของคนทำงานรุ่นใหม่ บริษัทจะต้องวางแผนเกี่ยวกับการทำงานในอนาคต และจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้อยู่รอดได้ในวงการธุรกิจ กุญแจสำคัญสำหรับนายจ้างก็คือ การนำเสนอตารางเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น และสร้างวัฒนธรรมการทำงานให้เป็นที่น่าพอใจกับพนักงาน ทำให้บริษัทก็จะได้รับประโยชน์จากการทำงานของพนักงานอย่างเต็มศักยภาพ”
เกี่ยวกับรายงานผลการศึกษา
รายงาน Cisco Connected World Technology Report ฉบับที่ 4 เป็นรายงานประจำปีที่จัดทำโดย InsightExpress บริษัทวิจัยตลาดอิสระในสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการมอบหมายจากซิสโก้ การศึกษานี้ใช้แบบสอบถามหนึ่งชุด ซึ่งโฟกัสไปที่บุคลากร Generation X, Generation Y และพนักงานฝ่ายบุคคลในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก การสำรวจนี้มีผู้ตอบแบบสอบถาม 100 คนจากแต่ละประเทศ รวมทั้งสิ้น 15 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา เม็กซิโก บราซิล สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย โปแลนด์ อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย
การสำรวจความคิดเห็นในประเทศไทยดำเนินการโดยบริษัท พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 20 คนจากกลุ่ม Gen X, 25 คนจากกลุ่ม Gen Y และ 15 คนจากกลุ่มพนักงานฝ่าย HR อายุ 18-50 ปีในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย
ทรัพยากรสนับสนุน
อ่านรายงาน?Cisco Connected World Technology Report ประจำปี 2557
เยี่ยมชมเว็บไซต์?Cisco Connected World Technology Report
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม:?บล็อกโพสต์ Job Search of the Future (การค้นหางานในอนาคต)?และบล็อกโพสต์ Future of Collaboration (อนาคตของการประสานงานร่วมกัน)
ดู?SlideShare
ฟังพอดคาสต์?Changing Nature of Work (ลักษณะของงานที่เปลี่ยนไป)
อ่านบล็อกของซิสโก้
?
ฟีด RSS สำหรับซิสโก้:?http://newsroom.cisco.com/dlls/rss.html
เกี่ยวกับ บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ จำกัด
ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำระดับโลกด้านไอทีที่ช่วยให้ธุรกิจและบริษัทต่างๆสร้างสรรค์สิ่ง มหัศจรรย์และปรากฏการณ์ใหม่ๆที่เกิดจากการเชื่อมต่อ (connect) ดูข่าวและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซิสโก้ได้ที่ http://thenetwork.cisco.com ผลิตภัณฑ์ซิสโก้ในประเทศไทยจัดจำหน่ายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายโดยพาร์ทเนอร์ของ Cisco Systems International B.V ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทในเครือซิสโก้ ซีสเต็มส์ ทั้งหมด