กรุงเทพ--1 เม.ย.--อย.
อย.เตือนผู้ผลิตถุงยางอนามัยให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะให้เก็บตัวอย่างถุงยางอนามัย ทุก Lot ที่ผลิต เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี หลังการจำหน่ายสู่ท้องตลาด
น.พ.บรรพต ต้นธีรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ถุงยางอนามัยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภทหนึ่ง โดยในการผลิตต้องมีมาตรฐานเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2535) เรื่องถุงยางอนามัย ซึ่งกำหนดให้ถุงยางอนามัยที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติต้องเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดถุงยางอนามัย ส่วนถุงยางอนามัยที่ทำจากน้ำยางสังเคราะห์หรือวัตถุอื่น จะต้องมีคุณภาพมาตรฐานประสิทธิภาพ และความปลอดภัยตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หากผู้ใดผลิต นำเข้า หรือขายเครื่องมือแพทย์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้แล้ว ตามกฏหมายจะกำหนดให้ผู้ผลิตและนำเข้าถุงยางอนามัยจัดเก็บตัวอย่างที่ผลิตหรือนำเข้าแต่ละครั้งในจำนวนเพียงพอสำหรับการตรวจสอบ หรือวิเคราะห์คุณภาพมาตรฐานเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยทำบัญชีไว้เป็นหลักฐานในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์หลังออกสู่ท้องตลาดของทางราชการ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยอยู่เสมอ
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของร้านค้าที่จำหน่ายถุงยางอนามัยควรเก็บรักษาในที่ที่เหมาะสม ได้แก่ เก็บไว้ในที่แห้งและเย็น ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่ถูกแสงฟลูออเรสเซนต์ เพื่อให้ถุงยางอนามัยยังคงมีคุณภาพมาตรฐานที่ดีก่อนถึงมือผู้บริโภค สำหรับผู้บริโภคควรเลือกซื้อถุงยางอนามัยจากร้านที่มีการเก็บรักษาที่ถูกต้องดังกล่าวและสังเกตฉลากที่ต้องแสดงเครื่องหมาย อย. พร้อมรายละเอียดครบถ้วน ระบุวิธีการใช้ การเก็บรักษา วันหมดอายุ เป็นต้น อีกทั้ง ผู้ใช้ควรเก็บถุงยางอนามัยในที่แห้งและเย็น ไม่ถูกแสงแดดเช่นกัน อย่าเก็บถุงยางอนามัยในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพราะหากมีการกดทับจะทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้ การปฏิบัติดังกล่างข้างต้น จะทำให้ผู้บริโภคใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างปลอดภัย--จบ--