กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--เวิรฟ
“เอสซีจี” รุกธุรกิจให้คำปรึกษา เปิดตัว “เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น”
รายแรกและรายเดียวของผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างในไทยที่ให้คำปรึกษาพัฒนาอาคารเขียวครบวงจร
เผยตลาดอาคารเขียวในไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตั้งเป้าผลประกอบการปี 58 เติบโต50%
เอสซีจี ผู้นำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ย้ำวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เดินหน้า เปิดตัวหน่วยงาน “เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น” (SCG Green Building Solution) รุกธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ “อาคารเขียว” ชูจุดแข็งรายแรกและรายเดียวของผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างในไทยที่ครบครันที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งการให้คำปรึกษาด้านสินค้าและบริการ ครอบคลุมในทุกความต้องการ เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าองค์กรธุรกิจชั้นนำที่ต้องการขอรับรองมาตรฐานอาคารเขียว เผยตลาดอาคารเขียวในไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง คาดปี 58 ตลาดรวมจะมีมูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 33% เนื่องจากองค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าปี 58 “เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น” มีผลประกอบการกว่า 850 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีที่ผ่านมา
นายสราวุฒิ สำราญทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ–มาร์เก็ตติ้ง เฮ้าส์ซิ่ง บิสซิเนส ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า “เอสซีจี” ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้า บริการที่มีคุณภาพตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และมีส่วนร่วมในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงได้ตั้งหน่วยงาน “เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น” (SCG Green Building Solution) ให้คำปรึกษาเรื่องสิ่งปลูกสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากลเป็นรายแรกและรายเดียวของผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างในไทย โดยชูจุดแข็งที่นำความเชี่ยวชาญเรื่องวัสดุก่อสร้าง ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังมีทีมสถาปนิก วิศวกร และนักวัสดุศาสตร์
ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ ได้รับการฝึกอบรมเสริมความรู้ด้านวิชาการต่างๆ ทั้งจากสถาบันในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ที่พร้อมให้บริการในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญที่เคียงข้างนำความสำเร็จสู่คุณอย่างยั่งยืน” โดยให้คำปรึกษาพัฒนาอาคารที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาความเป็นไปได้ ตรวจสอบและวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมทันสมัย ให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ แนะนำการใช้วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสม ตลอดจนเสนอแนวทางในการเข้ารับรองมาตรฐานอาคารเขียวตามมาตรฐานสากล เช่น LEEDของประเทศสหรัฐอเมริกา, TREES ของสถาบันอาคารเขียวไทย เป็นต้น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและลดเวลาทำงานของเจ้าของโครงการ ผู้ออกแบบและผู้รับเหมาที่ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
“ตลาดอาคารเขียวในประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าปี 2558 ตลาดรวมจะมีมูลค่ากว่า 6พันล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 33% เนื่องจากข้อกำหนดในผังเมืองรวมของกรุงเทพฯ ในปี 2556 ได้ระบุถึงความสามารถในการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของอาคาร (FAR) ได้ 5-20% หากอาคารนั้นได้ผ่านการประเมินและได้รับการรับรองจากสถาบันอาคารเขียวไทย นอกจากนี้องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงคาดการณ์ว่าธุรกิจนี้มีโอกาสในการเติบโตสูง และในอนาคตได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะขยายการให้บริการไปสู่ระดับอาเซียนอีกด้วย มั่นใจว่าด้วยจุดแข็งของเอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น และประสบการณ์ในการพัฒนาปรับปรุงทั้งอาคารสำนักงานใหญ่ของ SCG เอง ซึ่งล่าสุดอาคารเอสซีจี 100 ปี ก็ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียวระดับสูงสุด (Platinum) รวมถึงการให้บริการกับลูกค้าซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำจนผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED จนทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจชั้นนำที่ต้องการขอรับรองมาตรฐานอาคารเขียว ตั้งเป้าหมายปี 2558 ว่าจะมีผลประกอบการโดยรวม 850 ล้านบาท เติบโต50% จากปีที่ผ่านมา” นายสราวุฒิกล่าว
นางสาวคณาปภา อรรคภาส์ ผู้จัดการส่วนกรีนโซลูชั่น ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า การให้คำปรึกษาพัฒนาเป็นอาคารเขียวของ “เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น” แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การเป็นที่ปรึกษาสำหรับอาคารที่จะขอรับการประเมินมาตรฐานอาคารเขียว หรือการเป็นที่ปรึกษาพัฒนาอาคารเขียวแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้บริการศึกษาความเป็นไปได้ในการขอการรับรองอาคารเขียว ให้คำปรึกษาในการออกแบบและก่อสร้าง เลือกใช้วัสดุก่อสร้างตามข้อกำหนดการประเมินอาคารเขียว การจำลองสภาพการใช้พลังงานของอาคาร การให้บริการด้านผู้ตรวจสอบงานระบบของอาคาร ตลอดจนการเสนอเข้ารับรองมาตรฐานอาคารเขียว และการให้บริการให้คำปรึกษาด้านผลิตภัณฑ์ หรือการให้คำแนะนำสินค้าของเอสซีจีที่มีคุณสมบัติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือสินค้าที่ได้รับฉลาก SCG Eco Value หรือฉลากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์การเลือกใช้สินค้าตามที่ระบุในมาตรฐานอาคารเขียว LEED, TREES, etc. รวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รูปแบบอาคารที่ “เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น” ให้คำปรึกษาพัฒนาเป็นอาคารเขียว แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ อาคารสร้างใหม่ หรืออาคารที่มีการปรับปรุงใหม่ (New Building Design and Construction) ได้แก่ อาคารทั่วไป โรงเรียน โรงพยาบาล รวมถึง อาคารสำนักงาน โรงแรม โรงงาน และที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม อาคารเก่า หรืออาคารที่เปิดใช้งานแล้ว (Existing Building Operation and Maintenance) และ การขอเฉพาะพื้นที่ภายในอาคาร (Interior or Retail space)
“ที่ผ่านมาเอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรธุรกิจชั้นนำหลายองค์กร อาทิ ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ซึ่งได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาแบบครบวงจร ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน มีร้านในประเทศไทยที่ผ่านการรับรอง LEED for Commercial Interior แล้วกว่า 18 สาขา และสาขาอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอีกหลายสาขา นอกจากนั้นยังมี โตโยต้าโชว์รูม ที่ได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาผู้ตรวจสอบงานระบบ ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบันที่มีการให้บริการทั้งด้านที่ปรึกษาอาคารเขียว TREES แบบครบวงจร และเป็นที่ปรึกษาเฉพาะผู้ตรวจสอบงานระบบ จำนวนมากกว่า 15 สาขา ทั่วประเทศ มีทั้งที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารเขียวไทย (TREES) แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการขอการรับการประเมิน อาทิ โตโยต้าโชว์รูม สาขาไทยเย็น ปากช่อง, โตโยต้าโชว์รูม สาขาเภตรา,โตโยต้าโชว์รูม สาขาบ้านฉาง, โตโยต้าโชว์รูม สาขาสุพรรณบุรี เป็นต้น” นางสาวคณาปภา กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจ สอบถามรายละเอียดได้ที่ SCG Green Building Solution โทร. 02-586-5010 และเว็บไซต์www.greenbuilding-material.com หรือเข้าชมเพื่อขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ที่โซนเอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น บูธเอสซีจี งานสถาปนิก’58 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28เมษายน-3 พฤษภาคม 2558 ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น.