กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ. เอไอ เอนเนอร์จี (AIE) เผยเดือนมิ.ย.นี้เตรียมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์กำลังผลิต 9 แสนลิตรต่อวัน ด้านผู้บริหาร “อนุรักษ์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ” พร้อมลุยขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งกลุ่มไบโอดีเซล และน้ำมันบริโภค (PAMOLA) แถบอีสานเพิ่ม ส่วนแผนออกวอร์แรนต์หวังเพิ่มสภาพคล่อง และขยายธุรกิจในอนาคต
นายอนุรักษ์ ธารีรัตนาวิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์ม รวมถึงผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มโอเลอีน ภายใต้ตราสินค้า "พาโมลา" และจำหน่ายวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต และผลิตและจําหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะขยายกำลังผลิตน้ำมันไบโอดีเซลเพิ่มเป็น 9 แสนลิตรต่อวัน จากปัจจุบันที่ผลิตอยู่ ในระดับ 4 แสนลิตรต่อวัน โดยคาดว่าจะสามารถ Commercial Run ได้ในช่วงมิถุนายน 2558 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถผลิตได้สอดคล้องกับผลผลิตต่อเนื่องที่ได้จากหอกลั่นได้มากขึ้น จากเดิมที่มีการผลิตจุดนี้เป็นแบบคอขวด
อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้วางกลยุทธ์แผนการขยายตลาดในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าน้ำมัน ไบโอดีเซล ยังคงเป็นลูกค้ากลุ่มมาตรา 7 กลุ่มเดิม ในส่วนของน้ำมันบริโภค (PAMOLA) บริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างขยายตลาดไปยังลูกค้าตามภูมิภาคต่างๆมากขึ้นโดยเฉพาะภาคอีสาน เนื่องจากเดิมตลาดจะจำกัดอยู่บริเวณภาคกลาง
กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอไอ เอนเนอร์จี (AIE) กล่าวถึงความคืบหน้าของการเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจว่า ยังอยู่ในกระบวนการขั้นตอนการเจรจา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ก็รอความชัดเจนจากภาครัฐในด้านของนโยบายการสนับสนุน แม้ว่าปัจจุบันจะมีการส่งเสริมในการเพิ่มอัตราส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซล ต่อ ดีเซลทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นก็ตาม
สำหรับอัตราการเติบโตของยอดขายในปีนี้ เมื่อแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ของแต่ละธุรกิจได้ ดังนี้ น้ำมันไบโอดีเซล คิดเป็นรายได้หลักประมาณ 60% ของรายได้รวม รองลงมาเป็นการจำหน่ายน้ำมันบริโภค 20% ภายใต้ยีห้อสินค้า PAMOLA รวมทั้งวัตถุดิบและผลพลอยได้ ประมาณ 15% ของรายได้รวม ส่วนรายได้จากการรับจ้างกลั่นน้ำมันปาล์มดิบ 2.5% และรายได้อื่น 1.5% ขณะที่รายได้จากการเดินเรือและท่าเทียบเรือ 1%
ส่วนการวอร์แรนต์ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ในส่วนส่วน 5:1 จำนวน 904 ล้านหน่วย นั้นเนื่องจากบริษัทฯมีแนวโน้มการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีแผนการลงทุนในอนาคต จึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุน ดังนั้น บริษัทจึงได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ 1. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิต 2. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อลดต้นทุนการผลิต และ3. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นอกจากนี้ ช่วยเสริมให้บริษัทฯมีฐานเงินทุนที่เข้มแข็งขึ้น เพื่อสร้างความพร้อมด้านเงินทุนสำหรับรองรับการลงทุนในอนาคต ซึ่งแผนการลงทุนในอนาคตจะนำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่บริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท