กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--IR network
ผู้ถือหุ้น บมจ.น้ำตาลครบุรี (KBS) ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมสำหรับปี 2557 ในอัตรา 0.15บาท/หุ้น เคาะจ่าย 22 พ.ค.นี้ ด้านผู้บริหาร “ทัศน์ วนากรกุล”มองแนวโน้มรายได้-กำไร ปี’58 เติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา อานิสงส์รับรู้รายได้จากการขายไฟของโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 35 เมกะวัตต์ ในปีนี้กว่า 550 ล้านบาท ลดแรงกดดันราคาน้ำตาลในตลาดโลกผันผวน
นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) (KBS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2558 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ ปี 2557 เป็นเงินสดในอัตรา 0.30 บาท/หุ้น โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างไปแล้ว 0.15 บาท/หุ้น เหลือจ่ายเพิ่ม 0.15 บาท/หุ้น ซึ่งมีกำหนดจ่ายในวันที่ 22พ.ค.2558
“แผนการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ารายได้และกำไรเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีรายได้รวม6.3 พันล้านบาท โดยตัวแปรที่สำคัญที่ทำให้รายได้และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้มาจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 35 เมกะวัตต์ ที่รับรู้รายได้เต็มปี โดยคาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 550 ล้านบาท/ปี และสร้างกำไรได้กว่า 150 ล้านบาท/ปี รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าชีวมวลนี้จะมาช่วยชดเชยรายได้ที่ลดลงของธุรกิจน้ำตาลซึ่งราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวลง ”นายทัศน์กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่ม KBS ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลขนาด 35 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี 2555 โดยให้ บจ. ผลิตไฟฟ้าครบุรี (KPP) ซึ่งเป็นบริษัทลูก 99.9% ของ KBS เป็นผู้บริหารงาน มีงบประมาณก่อสร้าง 1,650 ล้านบาท ดำเนินการก่อสร้างระหว่างปี 2555 – 2557 และเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ กฟผ. เชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก (COD) แล้วเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2558
นายทัศน์ กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 35 เมกะวัตต์ จะตอบโจทย์ด้านกลยุทธ์ของกลุ่ม KBS 4 ประการ ประการที่หนึ่ง เป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำแก่โรงงานน้ำตาลซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ประการที่สอง เพิ่มศักยภาพในการทำกำไรให้กลุ่มบริษัท โดยคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าจะมีผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) 19% และจะสร้างกำไรเพิ่มเติมให้กลุ่มบริษัทในปีแรกที่เริ่มดำเนินการ (2558) ประมาณ 150 ล้านบาท และปีที่สอง (2559) ประมาณ 220 ล้านบาท
ประการที่สาม รายได้และกำไรจากโรงไฟฟ้าค่อนข้างจะมีความมั่นคงไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ จึงจะช่วยกระจายความเสี่ยงของกลุ่มบริษัทซึ่งเดิม รายได้และกำไรค่อนข้างผันผวนตามภาวะราคาน้ำตาลในตลาดโลกเป็นหลัก
ประการสุดท้าย โรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นหนึ่งในฟันเฟื่องของ Sugar Energy Complex ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของกลุ่ม KBS ที่ต้องการบริหารจัดการการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลและการประหยัดพลังงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อ้อย ผลิตภัณฑ์น้ำตาล และผลิตภัณฑ์พลอยได้ ให้สูงที่สุด เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรชั้นนำใน ธุรกิจอ้อย น้ำตาล และชีวพลังงาน ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทในที่สุด
กรรมการผู้จัดการ บมจ. น้ำตาลครบุรี กล่าวอีกว่า ในช่วงปี 2558-2559 นี้ จะเป็นช่วงที่บริษัทลงทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางกลยุทธ์ โดยจะใช้เงินลงทุน 4,300 ล้านบาทใน 2 โครงการใหญ่ ได้แก่ โครงการขยายกำลังการผลิต 35,000 ตันอ้อย/วัน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2558 และอีกโครงการหนึ่งคือ โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอล ซึ่งจะมีกำลังการผลิต 2 แสนลิตร/วัน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2559