กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--IR network
ผู้ถือหุ้นบมจ.สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) พร้อมใจโหวตรับวาระแตกพาร์จากเดิม 1 บาท/หุ้น เป็น 0.25 บาท/หุ้น-ปันผลในอัตรา 0.35 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ "สาทิส ตัตวธร" เผยภาพรวมธุรกิจปี 2558 ยังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี มั่นใจรายได้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 20% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจะรักษาให้ไม่ต่ำกว่า 30%
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 มีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ของหุ้นสามัญของบริษัท จากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ทำให้มีทุนจดทะเบียนจำนวน 380.12 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,520.48 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท
นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2557 ให้กับผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท ซึ่งได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2558 (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อตาม ม.225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) คือวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2558
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ในสำนักงานในปี 2558 ประเมินว่าจะยังคงเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น อันจะส่งผลดีต่อธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2558 จะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 20% จากปี 2557 ซึ่งบริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้ไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งบริษัทจะเน้นขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ที่มีการเติบโต โดยธุรกิจผลิตฉลากสินค้าจะเน้นในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภคให้มีความหลากหลายและผลิตฉลากสินค้าที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นจากเดิมผลิตฉลากสินค้าขนาดเล็กพร้อมกับรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้
"เชื่อว่าปี 2558 ธุรกิจของกลุ่มบริษัทสาลี่ฯ ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจทั้งในส่วนของสาลี่อุตสาหกรรม และสาลี่ พริ้นท์ติ้ง ยังเติบโตได้ดีทั้งคู่ มีออเดอร์ในกลุ่มลูกค้าหลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันได้เจาะกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ให้มากขึ้น รวมถึงรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้เพื่อสร้างฐานธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะถือเป็นอีกปีหนึ่งที่ธุรกิจของบริษัทยังขยายตัวได้ดี" นายสาทิสกล่าวในที่สุด