กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง
บล.ทรีนีตี้ ประเมิน 4 เหตุการณ์บวก พยุงตลาดหุ้นไทยยืน 1,500 จุด พร้อมปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุน แนะถือลงทุนหุ้นกลุ่มนาโนไฟแนนซ์-เช่าซื้อ-อิเล็กทรอนิกส์ รับกนง.ลดดอกเบี้ยเหลือ 1.5% และทยอยซื้อสะสมหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี หลังแนวโน้มราคาน้ำมันพุ่ง-ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มความเสี่ยงขาลง (Downside risk) ของตลาดหุ้นไทยเริ่มจำกัดมากขึ้น โดยมองว่า Downsideของดัชนีในระยะสั้นน่าจะถูกจำกัดที่บริเวณ 1,500 จุด จาก 4 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) ได้แก่ การปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลงเหลือ 1.5% เพื่อกระตุ้นภาคส่งออก ซึ่งถึงแม้การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้อาจทำให้เกิดกระแสเงินลงทุน (Fund flow) ไหลออกในระยะสั้น แต่เชื่อว่าดัชนีหุ้นไทยจะพยุงตัวได้ หลังค่าความเสี่ยงโดยรวมที่ยอมรับได้ (Risk appetite) ของนักลงทุนภายในประเทศที่สูงขึ้น รวมไปถึงปรากฏการณ์ P/E expansion ที่น่าจะทำให้มูลค่าพื้นฐานหุ้นหลายบริษัทถูก Re-rated ในช่วงถัดไป ซึ่งระยะสั้น ส่งผลบวกต่อกลุ่มนาโนไฟแนนซ์, เช่าซื้อ และอิเล็กทรอนิกส์
เหตุการณ์ที่สอง ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาสแรกของสหรัฐฯ ออกมาน่าผิดหวัง โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD) ปรับตัวอ่อนค่าในระยะสั้น ส่งผลบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันปรับตัวขึ้นด้วย, เหตุการณ์ที่สาม สต็อกน้ำมัน ณ จุดส่งมอบ Cushing สหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง ถือเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยมองการปรับตัวลงดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่าปัญหาอุปทานส่วนเกินเริ่มบรรเทาลงแล้ว
“จากสถานการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และ สต็อกน้ำมันที่ลดลง มองว่าจะส่งผลบวกและทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ปรับตัวแข็งแกร่งกว่าตลาด โดยมองว่าหุ้นกลุ่มนี้หลายบริษัทยังมี Functional currency เป็นสกุลเงิน USD ด้วย ซึ่งจะได้ประโยชน์ในช่วงเวลาที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าอีกต่อหนึ่ง” นายณัฐชาต กล่าว
สำหรับเหตุการณ์สุดท้าย ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยังไม่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ระหว่างวันที่ 16-17 มิถุนายน หลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อคืนนี้ (29เม.ย.) บ่งชี้ว่า Fed มีความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจมากขึ้นเมื่อเทียบกับการประชุมครั้งก่อน
นายณัฐชาต กล่าวว่า ในระยะสั้นปรับเพิ่มคำแนะนำจากเดิม “Wait & see” เป็น “Cumulative buy on weakness” โดยแนะนำถือหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยต่อไป ได้แก่ SAWAD, MTLS, GL, ASK, JMT, HANA และแนะนำทยอยสะสมหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ได้แก่ PTT, BANPU, TOP, PTTGC, SCC