กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนแล้ว โดยใช้ชื่อย่อว่า “PIMO” พร้อมเดินหน้าเตรียมยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2558 นี้
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO เปิดเผยว่า บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO ได้รับหนังสือยืนยันการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา โดยมีทุนจดทะเบียน 130ล้านบาท แบ่งเป็นทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท โดยภายหลังการจดทะเบียนดังกล่าวบริษัทจะใช้ชื่อ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) และมีชื่อย่อว่า “PIMO” ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ขณะที่เตรียมยื่นไฟลิ่งต่อกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นจำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) 0.25 บาท ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2558 นี้ เพื่อจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ
“ คาดว่า PIMO น่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)ของ PIMO เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.25 บาท/หุ้น ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2558 นี้ เพื่อจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เ อ็ม เอ ไอ โดยเม็ดเงินที่ได้จาการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้ขยายโรงงาน และจัดซื้อเครื่องจักรใหม่ และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะทำให้นักลงทุน คู่ค้า ให้ความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนหรือร่วมธุรกิจกับบริษัทฯมากขึ้น และมีโอกาสขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้มากขึ้นอีกด้วย ” นายสมภพ กล่าว
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO กล่าวถึงสำหรับวัตถุประสงค์ในการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เนื่องจากจะช่วยให้มีความมั่นคง หวังเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพด้านการตลาด รวมไปถึงมีเงินทุนในการขยายธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน และการที่บริษัทเป็นบริษัทมหาชน ทำให้ PIMO มีภาพลักษณ์เป็นบริษัทที่มีความโปร่งใส ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้า และพันธมิตร โดยสามารถที่จะช่วยสนับสนุนให้กิจการเติบโตได้ในอนาคต ทั้งนี้ PIMO ถือว่าเป็น หนึ่งในผู้นำทางด้านการผลิตและจัดจำหน่ายมอเตอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศ (Air Movement Motor) มอเตอร์กำลัง (Induction Motor) และเครื่องสูบน้ำ(Submersible Pump) ที่มีประสิทธิภาพสูง ภายใต้สินค้า Pioneer
“ สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปี ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2555-2557 บริษัทมีรายได้ในปี 2555 มูลค่า 393 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 471 ล้านบาทในปี 2556 และมีกำไรสุทธิ ในปี 2555 เป็นจำนวน 9.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในปี2557 จำนวน 40.26 ล้านบาทโดยรายได้มาจากสินค้าประเภทมอเตอร์แอร์คอนดิชันนิ่งเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 75% และต่างประเทศ 25% ตามลำดับ “ นายวสันต์ กล่าว