บีโอไอแจงปัจจัยเศรษฐกิจไทยแกร่ง 3 สาขาผลิตโต-ค่าเงินแข็งที่ 40 บาท/ดอลล์

ข่าวทั่วไป Wednesday February 18, 1998 15:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--18 ก.พ.--สำนักนายกรัฐมนตรี
"สถาพร" สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนท้องถิ่น แจงปัจจัยที่ยังทำให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งว่าเป็นเพราะมีสาขาการผลิตที่หลากหลายโดยเฉพาะ 3 สาขาหลัก เกษตร บริการ และอุตสาหกรรมเบา พร้อมทำนายค่าเงินบาทวันนี้ถึงกลางปีจะแกว่งอยู่ที่ 45 บาท/ดอลลาร์และสิ้นปีจะแข็งขึ้นเป็น 40 บาท/ดอลลาร์ แนะทางออกธุรกิจต้องไม่วางแผนบนพื้นฐานการขยายตัวแบบยุคฟองสบู่
นายสถาพร กวิตานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวในการปาฐกถาพิเศษเนื่องในโอกาสเปิดอาคารสำนักงานศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 นครราชสีมาเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หัวข้อ "เศรษฐกิจไทย ใครว่าสิ้นหวัง" ว่ามีหลายปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยยังสามารถยืนอยู่ได้ โดยเฉพาะจากภาคการผลิต 3 สาขาหลักคือ สาขาเกษตร และแปรรูป สาขาบริการ และอุตสาหกรรมเบา
นายสถาพรกล่าวว่า ในสาขาเกษตร ไทยถูกจัดเป็นผู้ผลิตอาหารส่งออกสำคัญติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญไม่เฉพาะทางเศรษฐกิจเท่านั้นแต่สำคัญในทางการเมืองด้วยเพราะหากประเทศผลิตอาหารไม่เพียงพอก็จะเกิดการแย่งชิงอาหารทำให้การเมืองการปกครองระส่ำระสายเหมือนเช่นประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่ประสบอยู่
ในสาขาที่สองคือบริการ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง ซึ่งสาขานี้จะโยงกับภาคเกษตรที่ผลิตอาหารเพราะหากเกิดภาวะแย่งชิงอาหารก็จะเกิดความไม่สงบ การท่องเที่ยวก็จะไม่เกิดขึ้น
"ในภาคอีสานอาจไม่ค่อยเห็นภาพ แต่ภาคใต้เช่นที่จังหวัดภูเก็ตมีรูปธรรมเห็นได้ชัดว่ามีรายได้อันเกิดจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมหาศาล เช่น รายได้ของร้านตัดเสื้อผ้าสำเร็จรูป ร้านอัดรูป เป็นต้น"
อีกสาขาคืออุตสาหกรรมเบาหรืออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก เช่น ผลิตเสื้อผ้า ซึ่งเดิมถูกจีนแย่งตลาด แต่ขณะนี้ปัจจัยเรื่องค่าเงินทำให้ตลาดส่งออกของไทยเริ่มกลับมา เมื่อทอนเป็นเงินบาทผู้ผลิตมีรายได้มากขึ้นจึงสามารถขยายกำลังการผลิตได้เพิ่ม
นอกจากนี้ ยังมีบางสาขาที่แข็งแรงอยู่ในระดับปานกลาง อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะยังมีอัตราเติบโตด้านการส่งออกในเกณฑ์ดีในบางประเภทโดยเฉพาะ เครื่องใช้ไฟฟ้า
"ถ้าดูในแต่ละสาขา จะเห็นว่าเมืองไทยมีเศรษฐกิจหลายขาหยั่ง ตรงนี้คือทางรอดที่จะพลิกตัวเองจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง ต้องปรับแผนการผลิตที่ป้อนตลาดในประเทศมาเป็นการส่งออก ช่วงนี้จึงจะถือเป็นระยะหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของการส่งออก"
ทั้งนี้ นายสถาพรได้คาดการณ์ด้วยว่า จากเดือนนี้จนถึงสิ้นปีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแกว่งตัวอยู่ที่ 45 บาทต่อดอลลาร์และปลายปี 2541 ถึงต้นปีหน้าจะยืนอยู่ที่ 40 บาท
"ขอฟันธงว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่45 บาทต่อดอลลาร์จากเดือนนี้ไปถึงกลางปี ซึ่งไม่ได้หมายถึงว่าจะตายตัวอยู่ระดับเดียว แต่จะแกว่งออกไปจากอัตรานี้ และกลับมาอยู่ตรงนี้ และต้นปีหน้าจะยืนอยู่ที่ 40 บาท ซึ่งในการพยากรณ์เช่นนี้มีเหตุผลแต่จะถูกหรือไม่ไม่ทราบ" นายสถาพร กล่าวพร้อมให้เหตุผลประกอบการทำนายด้วยว่า
เป็นการตั้งสมมุติฐานจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯว่าสูงเกินจริง เพราะอเมริกาก็มีปัญหามีหนี้ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้ค่าเงินดอลลาร์จะดูดีในระยะสั้น แต่พื้นฐานก็เริ่มสั่นคลอนเพราะการส่งออกอเมริกาจะถูกกระทบกระเทือน สินค้าอเมริกาจะขายออกยากขึ้น มีปัญหาขาดดุลการค้าขยายตัวขึ้น ค่าเงินดอลลาร์จึงไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อถือได้เสมอไป
"โดยภาพรวมสถานการณ์ดีขึ้น พูดได้ว่า ไทยออกจากห้องไอซียูแล้วแต่ยังต้องนอนห้องธรรมดาต่อแต่จะให้ไปเล่นเทนนิสได้เลยคงไม่ได้"
เลขาธิการบีโอไอเสนอทางออกสำหรับธุรกิจในภาวะที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วด้วยว่าต้องวางแผนบนพื้นฐานความจริงว่าตลาดไม่ได้ขยายตัวรวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา สาขาที่สวนกับเศรษฐกิจต้องใช้เวลา ซึ่งในต่างจังหวัดก็มีทั้งธุรกิจที่สวนและตามภาวะเศรษฐกิจ
หากสวนกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจคอนโดมิเนียม ที่ดินจัดสรร สวนเกษตร ต้องระมัดระวัง ส่วนกลุ่มที่เป็นไปตามภาวะไปได้ดีคือ อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการเกษตร
"ปัญหาเศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดหมดหวังไปแล้ว คือไม่ได้แปลว่าหมดหวัง แต่ไปสู่จุดที่เรากลับมาสามารถยืนได้ติด ตอนนี้เริ่มพบกับข่าวดีเรื่องเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นเพราะเมื่อประเมินจากระบบบริหาร ตัวเลขเศรษฐกิจและภาพพจน์อื่นล้วนดีขึ้นทั้งสิ้น เราได้ผ่านจุดสำคัญขณะที่มีความสงบทางการเมืองด้วย" เลขาธิการบีโอไอกล่าวในที่สุด--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ