กรุงเทพฯ--6 พ.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
CHG แตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.10 บาทต่อหุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย ดึงดูดนักลงทุนให้มีความหลากหลาย พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลปี 2557 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น วันที่ 22 พฤษภาคม 2558 นี้ ขณะที่ยืนยันตั้งเป้าธุรกิจโรงพยาบาลโต 15-20 %
นายแพทย์ กำพล พลัสสินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2558 ได้มีมิตอนุมัติการเปลี่ยนแปลงหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากหุ้นละ 1 บาท เป็น 0.10 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นให้เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุน โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงราคาพาร์จำนวนหุ้นสามัญของบริษัทฯ จะเท่ากับ 11,100,000,000 หุ้น จากเดิมที่ 1,100,000,000 หุ้น โดยสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมจะไม่ได้รับผลกระทบจาการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ ทุนจดทะเบียนและทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ จะยังคงเท่าเดิมนอกจากนั้นที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติจ่ายปันผลปี 2557 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 110,000,000 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2558 วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2558 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 นี้
นายแพทย์ กำพล กล่าวถึงทิศทางรายได้ โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 15-20% จากปีก่อนเป็นผลมาจากการเร่งขยายจำนวนเตียงและปรับปรุงโรงพยาบาลเดิมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้โรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น และที่สำคัญในปัจจุบันโรงพยาบาลได้เปิดให้บริการเกี่ยวกับโรคที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น อาทิ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยต่อรายนั้นสูงขึ้นอีกด้วย ขณะที่การเดินหน้าขยายโรงพยาบาลใหม่อีก 2 แห่ง ที่จะแล้วเสร็จในปี 2560 ก็จะช่วยหนุนการเติบโตต่อไปในอนาคต
นายกำพล กล่าวถึง ขณะนี้โรงพยาบาลจุฬารัตน์ ได้รับความสนใจจากผู้ใช้บริการมาใช้บริการของโรงพยาบาลจุฬารัตน์มากขึ้นภายหลังจากที่ บริษัทฯ ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและทำการประชาสัมพันธ์มากขึ้นรวมถึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆมารองรับความต้องการของผู้ใช้บริการ ทางโรงพยาบาลจึงมีนโยบายที่จะขยาย โดยล่าสุด ได้ขยายและปรับปรุงโรงพยาบาลชลเวชหลังจากที่บริษัทเข้าไปซื้อกิจการในปีที่ผ่านมา จากเดิมมีจำนวนเตียงทั้งหมด 28 เตียง บริษัทฯเตรียมที่จะขยายจำนวนเตียงเพิ่มเป็น 59 เตียงและปรับปรุงโรงพยาบาลเพิ่มเติมเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มากขึ้น โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนรวม 200 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ปราจีนบุรีนั้น บริษัทเตรียมก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ขนาด 100 เตียง โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 375 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้จะแล้วเสร็จในปี 2560
“ สำหรับการขยายกิจการเพิ่มเติม บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในเบื้องต้นน่าจะเป็นในรูปแบบของคลินิกเครือข่ายก่อน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วง 1-2 ปีนี้ ส่วนการซื้อกิจการเพิ่มบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม เบื้องต้นบอกได้แต่เพียงว่าเป็นกิจการในประเทศ สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ480.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.31 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 16.00 จากปี 2556 ทั้งนี้เป็นผลมาจากรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลที่ได้ 2,671.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 450.21 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ20.27 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2556 โดยเป็นการเติบโตของผู้ป่วยทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปและกลุ่มโครงการสวัสดิการภาครัฐ รวมถึงจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการ” นายแพทย์กำพลกล่าวปิดท้าย