กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--กรมประมง
ประมง...แจ้ง ! 6 พ.ค.นี้ ดีเดย์ ปูพรม 22 จังหวัดชายทะเล มั่นใจใน 6 เดือน จะนำเรือประมงเข้าสู่ระบบ Port in – Port out โชว์ EU ได้แน่ หวังปลดล็อคใบเหลือง แก้ปัญหา IUU และค้ามนุษย์
กรมประมงเตรียมเปิดใช้ระบบควบคุมการแจ้งเข้า – ออกเรือประมง (Port in - Port out)พร้อมกันทั้งหมด 28 ศูนย์ ใน 22 จังหวัดชายทะเล ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2558 เผย...ทดลองนำร่องไป 1 เดือน มีเรือประมง เข้าสู่ระบบ 162 ลำ โดยมีการแจ้งเข้า-ออกท่าแล้วกว่า 598 ครั้ง จึงขอความร่วมมือ แพปลา ท่าเทียบเรือ และเรือประมง ขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไป โปรดให้ความร่วมมือนำเรือเข้าสู่ระบบเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ ...คาด 6 เดือนที่ EU ขีดเส้นตาย..สามารถนำเรือเข้าสู่ระบบได้แน่นอน
ดร.จุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมประมง เผยถึงความคืบหน้าในการควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม(IUU Fishing) ว่า ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ กรมประมงจะดีเดย์เริ่มทดลองใช้ระบบควบคุมการแจ้งเข้า – ออกของเรือประมง (Port in - Port out) สำหรับเรือประมงที่มีขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไป ก่อนจะออกไปทำการประมง และกลับเข้าเทียบท่า ต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า – ออกของเรือประมงที่กำหนด เพื่อให้มีการรายงานข้อมูลการทำประมงรวมถึงแรงงานบนเรือประมง อาทิ ทะเบียนเรือ เครื่องมือทำการประมง ใบอนุญาตทำการประมง ผลจับสัตว์น้ำจากสมุดบันทึกการทำประมง (logbook) ตลอดจนบุคคลทำการประมงประจำเรือ (กัปตัน เจ้าของเรือ แรงงานบนเรือ) โดยจะต้องแจ้งก่อนเรือเข้า-ออก ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ที่เรือประมงแจ้งจะถูกนำไปใช้ตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งถือเป็นการสร้างกฎกติกาใหม่ภายใต้ระบบสากล ให้ชาวประมงถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ต้องดำเนินการ โดยเฉพาะเมื่อ พ.ร.บ.การประมงฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ จึงชี้ให้เห็นว่า ระบบ Port in – Port out สามารถควบคุมการทำประมงไม่ให้เป็น IUU ได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยข้อกำหนดที่เรือและเครื่องมือต้องถูกต้องมีใบอนุญาตทำประมง มีการใช้แรงงานที่ถูกต้อง มีสัญญาจ้าง ถือเป็นการควบคุมกำกับของหน่วยงานรัฐที่เบ็ดเสร็จ ที่จะแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องประมง IUU และการค้ามนุษย์ในภาคแรงงานประมงด้วย
และขณะนี้ กรมประมง ได้ขยายศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า – ออกเรือประมง (ศูนย์ PIPO) จากเดิม 26 ศูนย์ซึ่งใช้สถานีวิทยุประมงชายฝั่ง ขยายเพิ่มอีก 2 ศูนย์ คือ ที่สำนักงานประมงจังหวัดนราธิวาส และสำนักงานประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้ท่าเทียบเรือ เบ็ดเสร็จแล้วได้จัดตั้งศูนย์ PIPO จำนวนทั้งสิ้น 28 ศูนย์ ครอบคลุมท่าเทียบเรือ 297 แห่ง โดยศูนย์ PIPO ทุกแห่งมีระบบวิทยุสื่อสารที่สามารถติดต่อเรือประมงได้ทุกลำทำให้มีส่วนช่วยให้การตรวจสอบและควบคุมการทำประมง รวมถึงการประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวสารต่างๆ ให้เรือประมงรับทราบนั้นเป็นไปอย่างมีระบบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ อาทิ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และภาคเอกชน อาทิ แพปลา ท่าเรือ และผู้ประกอบการเรือประมง ฯลฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในทุกขั้นตอนด้วยแล้ว
สำหรับผลการทดลองนำร่อง 1 เดือน (1 เม.ย. – 30 เม.ย.58) ใน 4 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สงขลา ระนอง และภูเก็ต ผลปรากฏว่ามีจำนวนเรือประมง ขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไป มาแจ้งออกจากท่า จำนวน 350 ครั้ง และแจ้งเข้าท่า จำนวน 248 ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย.58) ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม จากผลการประเมินการทดลองนำร่องพบว่า การประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะเรือประมงใหม่ๆ ที่ไม่เคยรับรู้และเข้าใจการทำงานระบบนี้ จึงไม่ได้ให้ความสนใจที่จะมาเข้าสู่ระบบ ดังนั้น จึงได้สั่งการให้ทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างเร่งด่วน ในการให้เรือประมงเข้าสู่ระบบ Port in – Port out เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับ พ.ร.บ.การประมงฉบับใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2558
ทั้งนี้ กรมประมง หวังว่าจากการบูรณาการดำเนินการแก้ไขปัญหา IUU อย่างเข้มข้นจากทุกฝ่ายนั้น ประเทศไทยจะสามารถผ่านพ้นและปลดใบเหลือง ภายในระยะเวลา 6 เดือน ตามที่สหภาพยุโรปให้โอกาสในการแก้ไขปัญหาการทำประมงแบบ IUU ให้เป็นรูปธรรมได้ และสุดท้ายขอฝากถึงผู้ประกอบการเรือประมง ขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไป รวมถึงแพปลา และท่าเทียบเรือทั้ง 297 แห่ง โปรดให้ความร่วมมือในการเข้าสู่ระบบ Port in – Port out เพื่อเข้าสู่ระบบการทำประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการเตรียมความพร้อมของภาคการประมงไทยในการร่วมกันป้องกันการทำประมง IUU ตามหลักสากล ทั้งยังแสดงให้นานาประเทศทั่วโลกเห็นว่าการประมงของไทยพร้อมที่จะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้การประมงของไทยปราศจาก IUU อันจะส่งผลให้เกิดความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำและอาชีพประมงของไทย