เจาะลึกทางรักษาโรคภูมิแพ้อาหารเฉียบพลันและภูมิแพ้อาหารแอบแฝง

ข่าวทั่วไป Thursday May 7, 2015 11:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--เกรลิ่ง จริงอยู่ที่การเพลิดเพลินไปกับอาหารเลิศรสนานาชนิดเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตคนเรา แต่ทว่าบางคนกลับมีอาการเจ็บ ป่วย หรือความไม่สบายตัว หลังจากที่ได้รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มบางชนิด เช่น อาการปวดหัวหลังรับประทานช็อกโกแลต หรือ อาการบวมหลังจากรับประทานบะหมี่เกี๊ยวแสนอร่อย เป็นต้น นายแพทย์นาวิน จิตเทศ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย และเวชศาสตร์ฟื้นฟูภาวะเสื่อม ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ (Vitallife) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า อาการเจ็บปวดและไม่สบายเนื้อตัวเหล่านี้เป็นอาการแพ้อาหาร ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถรักษาได้ “อันดับแรก ต้องระบุให้ได้ก่อนว่าคนๆ นั้นเป็นโรคภูมิแพ้อาหารแบบเฉียบพลันหรือแบบแอบแฝง” นายแพทย์นาวิน กล่าว และยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า “คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่ามีโรคภูมิแพ้อาหารทั้งแบบเฉียบพลับและแอบแฝง หรือไม่ก็คิดว่ามันก็คือโรคภูมิแพ้อาหารเหมือนๆ กัน แต่ในความจริงแล้ววิธีรับมือโรคภูมิแพ้อาหารทั้ง 2ประเภทนี้ ต่างกันมาก” “คนที่เป็นโรคภูมิแพ้อาหารบางชนิดอย่างเฉียบพลัน จะต้องหยุดรับประทานอาหารชนิดนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อาหารแอบแฝง ส่วนใหญ่แล้วสามารถรักษาด้วยยาเพื่อเรียกสมดุลของร่างกายกลับคืนมา ซึ่งจะทำให้คนคนนั้นสามารถต้านทานอาหารที่ตนแพ้ได้ และภายในระยะเวลาไม่นานก็จะสามารถรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มชนิดนั้นได้ในที่สุด โดยไม่มีอาการแพ้ใดใด” โรคภูมิแพ้อาหารเฉียบพลันและโรคภูมิแพ้อาหารแอบแฝงต่างกันอย่างไร? อาการแพ้ในโรคภูมิแพ้อาหารเฉียบพลัน ซึ่งเป็นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ออาหารที่รับประทานเข้าไป จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉียบพลัน และในบางครั้งเป็นอันตรายมาก โดยอาการที่บ่งชี้ว่าแพ้อาหาร ได้แก่ มีผื่นขึ้นตามร่างกาย ใบหน้าบวม หายใจลำบาก เป็นลมพิษ คันตามร่างกาย และมีภาวะหายใจหอบเร็วและสั้น เป็นต้น นอกจากนี้ หากเป็นกรณีที่มีปฏิกิริยาแพ้อย่างรุนแรง อาจเกิดภาวะช็อกและนำไปสู่การเสียชีวิตได้ คำอธิบายทางการแพทย์ง่ายๆ ของโรคภูมิแพ้อาหารเฉียบพลัน คือ ผู้ป่วยจะมีอาการเกิดขึ้นโดยเฉียบพลันทันที หลังจากรับประทานอาหารที่แพ้เข้าไป โดยส่วนมากเกิดจากภูมิต้านทานอิมโมโนโกลบุลิน ชนิดอี (IgE) ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาเมื่อร่างกายพบกับสิ่งแปลกปลอม เช่น โปรตีนบางชนิดปลา หอย ถั่ว (เช่น ถั่วลิสง วอลนัท เฮเซลนัท บราซิลนัท) เป็นประเภทอาหารที่คนเราจะแพ้มากที่สุด และบ่อยครั้งที่เด็กเล็กๆ จะแพ้อาหารประเภทนมและไข่ด้วยเช่นกัน ในทางกลับกัน อาการแพ้ ในโรคภูมิแพ้อาหารแอบแฝง จะเกิดขึ้นอย่างล่าช้าหลังจากที่กินหรือดื่มเข้าไปแล้ว โดยอาการที่บ่งชี้ว่ามีการแพ้อาหาร ได้แก่ อาการบวม และ ปวดท้อง เป็นต้น การแพ้อาหารแบบแอบแฝงมีหลายสาเหตุ เช่น การขาดเอนไซม์ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยย่อยอาหารอย่างสมบูรณ์ โรคอาหารเป็นพิษ โรคลําไส้ทํางานแปรปรวนซึ่งเป็นโรคของลําไส้ที่ทํางานผิดปกติ ทําให้เกิดการปวดท้อง ท้องเสียและท้องผูก หรืออาจท้องเสียและท้องผูกสลับกัน นอกจากนี้ วัตถุเจือปนในอาหารและความเครียดก็มีผลด้วยเช่นกัน ผู้คนส่วนใหญ่ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกที่เป็นโรคภูมิแพ้อาหารแอบแฝง มักจะแพ้อาหารที่มีกูลเทนซึ่งเป็นโปรตีนจากข้าว เช่น แป้ง ข้าวไรย์ ข้าวสาลี และอาหารที่มีแลกโตส ซึ่งเป็นอาหารจำพวกนมและผลิตภัฑณ์จากนม การตรวจและรักษา นายแพทย์นาวิน กล่าวว่า เทคโนโลยีและการค้นคว้าที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน ทำให้แพทย์สามารถตรวจพบอาการแพ้แอบแฝงในอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า 200 ชนิด โดยสามารถทำได้ผ่านทั้งการตรวจเลือดและการตรวจสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง “ในอดีต ผู้คนที่เจ็บป่วยอาจไม่รู้ตัวว่าการเจ็บป่วยนั้นมีสาเหตุมากจากการแพ้อาหารแบบแอบแฝง แต่ทุกวันนี้ เราสามารถตรวจสอบและพัฒนาโปรแกรมรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้แล้ว ” นอกจากนี้นายแพทย์นาวิน ยังกล่าวถึงวิธีรักษาของไวทัลไลฟ์ว่า “โดยปกติแล้ว ก็จะมีการให้ผู้รับการรักษางดอาหารบางชนิดเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อระบุว่าแพ้อาหารชนิดใด หลังจากนั้น ก็จะสร้างสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ให้ร่างกายกลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติ” “แพทย์อาจแนะนำให้ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น รับประทานอาหารที่มีกากใยให้มากขึ้น รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น โยเกิร์ต หรือรับประทานสมุนไพร เป็นต้น ภายในเวลาไม่นานคนไข้ก็จะสามารถกลับมารับประทานอาหารได้อย่างเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารที่เคยแพ้ อาจต้องรับประทานในปริมาณน้อยๆ ก่อน ในช่วงแรก” ในกรณีที่คนไข้รู้ว่าตนมีอาการแพ้อย่างรุนแรง มักจะจบลงที่การหลีกเลี่ยงไม่รับประทานอาหารชนิดนั้นๆอย่างถาวร นอกจากนี้ คนที่รู้ตัวว่าแพ้อาหารทั้งในแบบเฉียบพลันและแอบแฝง ต้องระวังเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างดีและอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดทุกครั้งว่ามีส่วนผสมของสิ่งที่ตนแพ้หรือไม่ ก่อนจะซื้อสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าต่างๆ รวมถึง ใครที่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคภูมิแพ้อาหารหรือไม่ หากแต่ว่ามีอาการเจ็บป่วยหรือความผิดปกติทางร่างกายเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหาร ควรให้ลองทำการทดสอบเพื่อตรวจหาภูมิแพ้อาหารทั้งแบบเฉียบพลันและแอบแฝงเพื่อรักษาให้หายขาด นายแพทย์นาวิน กล่าวแนะนำ “ผมพบคนไข้ที่มีอาการร่างกายบวม ปวดท้อง และมีไมเกรนมานานหลายปี โดยที่ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร หลังจากที่ทำการตรวจหาภูมิแพ้อาหาร เราก็สามารถวินิจฉัยได้ว่าสาเหตุคืออะไรและหาทางรักษาได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะสามารถกำจัดอาการเจ็บป่วยนั้นๆ ของคนไข้ได้ และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแก่สุขภาพของคนไข้ได้อย่างถาวร” นายแพทย์นาวิน กล่าวปิดท้าย สุขภาพที่ดีทั้งกายและใจเป็นปัจจัยสำคัญในการบ่งชี้ถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมการตรวจภูมิแพ้ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือโรงพยาลบำรุงราษฎร์ โทร 02-667-2340

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ