กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--Thailand Open 2015
การแข่งขันกอล์ฟอาชีพระดับตำนานของประเทศรายการ “ไทยแลนด์ โอเพ่น” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมกลับมาระเบิดศึกอีกครั้งในปีนี้ โดยได้ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เป็นผู้สนับสนุนหลัก กำหนดดวลวงสวิงระหว่างวันที่ 11-14 มิถุนายนนี้ ที่สนามสยามคันทรีคลับ พัทยา แพลนเทชั่น จ.ชลบุรี โดยรายการนี้จัดครั้งล่าสุดเมื่อปี2013 และต้องยกเลิกการจัดการแข่งขันไปเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
กอล์ฟรายการ “ไทยแลนด์ โอเพ่น” ในปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 45 โดยมีเงินรางวัลให้ช่วงชิงรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ32 ล้านบาท) และเป็นการร่วมมือกันระหว่าง วันเอเชียทัวร์ กับ เจแปน กอล์ฟ ทัวร์ ออร์แกไนเซชัน (เจจีทีโอ) รวมทั้งยังได้ เมอร์เซเดส-เบนซ์, ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์เปอร์ชัน (เอสเอ็มบีซี), เอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส และสยามแอทสยาม ดีไซน์ โฮเทล พัทยา เข้ามาร่วมให้การสนับสนุนการแข่งขัน
นายกิตติศักดิ์ ชัยมงคลตระกูล ผู้อำนวยการกลุ่มลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และที่ปรึกษานายกสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “สิงห์ คอร์เปอเรชัน รู้สึกยินดีและถือเป็นวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับเราที่ได้ประกาศแจ้งข่าวการเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันกอล์ฟไทยแลนด์ โอเพ่น เป็นที่ทราบกันดีว่าเราเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนกีฬากอล์ฟในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ดังนั้นการได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันกอล์ฟระดับตำนานของประเทศอย่างรายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเรา”
ทั้งนี้การให้การสนับสนุนกีฬากอล์ฟในระดับอาชีพของ บริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชัน จำกัด เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักกอล์ฟของไทยพัฒนาผลงานสร้างชื่อในเวทีระดับนานาชาติ รวมทั้งยังเป็นผู้นำในการสนับสนุนการแข่งขันกอล์ฟทุกระดับในประเทศไทย
“การแข่งขันกอล์ฟรายการ สิงห์ คอร์เปอเรชัน ไทยแลนด์ โอเพ่น เป็นเวทีประชันฝีมือของนักกอล์ฟระดับแนวหน้าจากวันเอเชีย และเจจีทีโอ ดังนั้นรายการนี้จะเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำหรับวงการกอล์ฟของประเทศไทยในปีนี้อย่างแน่นอน ในนามของสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันกอล์ฟไทยแลนด์โอเพ่น ซึ่งเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่และมีประวัติศาสตร์การจัดการแข่งขันมายาวนาน และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รายการนี้ได้กลับมาจัดขึ้นอีกครั้ง ณ สนามกอล์ฟชั้นเลิศอย่างสนามสยามคันทรี คลับ พัทยา แพลนเทชั่น และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นชัยชนะเป็นของนักกอล์ฟชาวไทยอีกครั้ง เช่นเดียวกับ ประหยัด มากแสง ที่ทำได้ในปี 2013" นายกิตติศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม
นาย ซาง วาย ชุน ประธานบริหารของวันเอเชีย กล่าวถึงการแข่งขันในปีนี้ว่า “สิงห์ คอร์เปอชัน ไทยแลนด์ โอเพ่น เป็นรายการระดับเวิลด์คลาส และผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รายการนี้กลับมาอยู่ในตารางแข่งขันของวันเอเชียอีกครั้งในปี 2015และมีความยินดีเป็นพิเศษที่ได้ร่วมมือกับเจจีทีโออีกครั้ง ซึ่งนักกอล์ฟจากเจแปนทัวร์ได้มาสร้างสีสันและมีส่วนช่วยให้การแข่งขันปี 2013 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี”
ขณะที่ นายคัตสึจิ เอบิซาวา ประธานเจจีทีโอ เผยว่า “เจแปน กอล์ฟ ทัวร์ ออร์แกไนเซชัน รู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วมกับแข่งขันกอล์ฟสิงห์ คอร์เปอเรชัน ไทยแลนด์ โอเพ่น เป็นครั้งที่สอง เราประทับใจและสนุกมากกับความร่วมมือกันครั้งแรกในปี 2013รายการนี้เปิดโอกาสให้เราพัฒนาการเจริญเติบโตและประชาสัมพันธ์ทัวร์ของเราในภูมิภาคเอเชีย”
ทางด้านสนามสยามคันทรีคลับ พัทยา แพลนเทชั่น ซึ่งออกแบบโดย ลี ชมิดต์ แอนด์ เคอร์ลีย์ และเปิดให้บริการในปี 2008จะเป็นบททดสอบที่ท้าทายสำหรับนักกอล์ฟในการแข่งขันปีนี้ ด้วยสภาพลมแรงจะเพิ่มดีกรีความยากมากยิ่งขึ้น โดยสนามแห่งนี้เคยเป็นเวทีจัดการแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่อย่าง ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2009 และไทยแลนด์ เลดี้ส์ โอเพ่น ในปี 2013
ดร.พรเทพ พรประภา ประธานสนามสยามคันทรีคลับ กล่าวว่า “การที่สนามสยามคันทรีคลับเคยเป็นเวทีจัดการแข่งขันระดับเวิลด์คลาสมาหลายรายการ ทำให้เรามั่นใจว่านักกอล์ฟชั้นนำจากวันเอเชียและเจแปนทัวร์จะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และจะช่วยเพิ่มมูลค่ามหาศาลให้กับการแข่งขัน สิงห์ คอร์เปอเรชัน ไทยแลนด์ โอเพ่น”
สำหรับกอล์ฟรายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น ดำเนินการจัดการแข่งขันโดยเวิลด์ สปอร์ต กรุ๊ป บริษัทชั้นนำของเอเชียด้านตลาดกีฬา สื่อมวลชน และสื่อ
การแข่งขันกอล์ฟไทยแลนด์ โอเพ่น จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1965 (พ.ศ. 2508) และเข้ามาเป็นรายการของวันเอเชียทัวร์ ในปี2010 ซึ่งปีนั้น เหลียง เหวิน-ชอง โปรกอล์ฟจากจีนคว้าแชมป์ไปครอง ขณะที่อังเดร สโตลซ์ จากออสเตรเลีย ทำได้ในปีถัดมา และในปี 2012 แชมป์ตกเป็นของ คริส วูด จากอังกฤษ ส่วนในการแข่งขันเมื่อสองปีก่อน ประหยัด มากแสง สร้างผลงานเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 3 ที่คว้าแชมป์ ไทยแลนด์ โอเพ่น มาครองอย่างสนุกเร้าใจ และคาดหวังที่จะได้เห็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นอีกครั้งในปีนี้
ทั้งนี้การคว้าแชมป์ของประหยัดที่สนาม ธนาซิตี้ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ เมื่อปี 2013 เป็นการหยุดสถิตินักกอล์ฟไทยซึ่งห่างหายจากการสัมผัสแชมป์รายการนี้นานนับ 10 ปี โดยทำสกอร์ 68, 67, 65 และ 64 จบด้วยสกอร์รวมสี่วัน 24 อันเดอร์พาร์ เอาชนะคู่แข่ง 2 สโตรค ได้ครองถ้วยพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมรับเงินรางวัลไป 180,000 เหรียญสหรัฐ
สำหรับนักกอล์ฟไทยอีกสองคนที่ได้แชมป์รายการนี้คือ สุเทพ มีสวัสดิ์ (ปี 1991) และ บุญชู เรืองกิจ (ปี 1992 และ 2004)