กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--กระทรวงวิทยาศาสตร์
กระทรวงวิทย์ฯ เผยผลตรวจสอบไฟไหม้ปริศนาพัทลุง ไม่พบธาตุที่เป็นองค์ประกอบของสารที่ติดไฟเอง บริเวณพื้นและผนังบ้าน แต่พบธาตุแม็กนีเซียม และซัลเฟต บริเวณห้องนอน พร้อมทั้งมีการร้องเตือนของเครื่องตรวจเช็คสารไวไฟ สอดคล้องผลตรวจ ม.ทักษิณ ระบุพบแก๊สไวไฟ แต่ยังไม่สามารถระบุชนิด ขอใช้เทคนิคขั้นสูงวิเคราะห์อีกรอบ ปลัดฯ วอนสังคมไทยฝึกฝนฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อปรับแนวคิด ความเชื่อแบบมีเหตุมีผล
รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีไฟไหม้ปริศนา จ.พัทลุง ว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ส่งทีมนักวิจัยลงพื้นที่ จำนวน 2 ทีมแยกเป็นอิสระ เพื่อทำการตรวจสอบแบบ Double Checkโดยทีมแรกเป็นทีมนักวิจัยของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยตรง ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558 ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) รวมถึงสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) โดยนำเครื่องมือไปตรวจวิเคราะห์สถานที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย
(1) Portable XRF วิเคราะห์หาธาตุที่เป็นองค์ประกอบของสาร Self-ignition
(2) เครื่องมือเก็บ Particle ในอากาศโดยเพื่อนำกลับมาวิเคราะห์หาธาตุที่ติดไฟเอง ด้วยเทคนิค X-ray fluorescence
(3) Gas Detection Solution (ส่วนใหญ่ใช้ในท่อส่งน้ำมันหรือส่งแก๊ส) เพื่อตรวจเช็คสารไวไฟ บริเวณที่นอน และกองผ้าที่เคยเกิดไฟไหม้
ทั้งนี้ จากรายงานของทีมนักวิจัยทีมแรก ปรากฏว่าไม่พบธาตุที่เป็นองค์ประกอบของสารที่ติดไฟเอง บริเวณพื้นบ้านและผนังบ้าน แต่พบธาตุแม็กนีเซียม และซัลเฟต บริเวณห้องนอน พร้อมทั้งมีการร้องเตือนของเครื่องมือของเครื่องตรวจเช็คสารไวไฟ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสารไวไฟชนิดใด ทำให้จำเป็นต้องใช้เทคนิคขั้นสูงในการวิเคราะห์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม
รศ.ดร.วีระพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ประสานทีมที่ 2 มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นหน่วยงานเครือข่ายคลินิกเทคโนโลยีที่ทำงานในพื้นที่ร่วมกับศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค ภาคใต้ (ศวภ.3) โดยเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 มหาวิทยาลัยทักษิณ พิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยกันบริเวณพื้นที่รอบบ้านที่เกิดเหตุเพื่อไม่ให้มีคนเข้าออกพลุกพล่าน มีการตั้งกล้องวงจรปิด 11 จุด ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อสังเกตการณ์และวิเคราะห์เปลวไฟว่าเกิดจากสารตั้งต้นตัวใด ใช้เครื่องมือตรวจจับแก๊ส พร้อมเก็บวัตถุที่เคยเกิดไฟไหม้นำไปตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีประเภทOxidant ตรวจจับแก๊ส ทั้งในบ้านและรอบนอกตัวบ้าน พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องตรวจวัดความร้อน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยทักษิณได้ดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างทางธรณีวิทยาโดยตรวจสอบประจุไฟฟ้า และติดตั้งกล้องวัดอุณหภูมิ ความชื้นและรังสี 8 ตัว เพื่อวัดค่าที่เกิดขึ้นบริเวณบ้าน
ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากการ Monitor ของมหาวิทยาลัยทักษิณยังไม่พบเหตุการณ์ไฟลุกไหม้ในบริเวณที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่ข้อมูลจากเครื่องวัดความร้อน พบว่ามีแก๊สไวไฟอยู่แต่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นแก๊สชนิดใด ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กำลังรอรายงานสรุปจากมหาวิทยาลัยทักษิณอีกครั้ง ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2558
“เพื่อไม่ให้ประชาชนคนไทย หรือสังคมไทยมีความคิดโอนเอียงไปในทางความเชื่อหรือไสยศาสตร์มากนัก ดังนั้น โดยหน้าที่ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะดำเนินการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ไปลบล้างความเชื่อหรือวัฒนาธรรมชุมชนแต่ประการใด นอกจากจะนำเสนอข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนใช้ประกอบหรือเปรียบเทียบให้ตระหนักรู้ในสิ่งที่น่าจะเป็น ดังนั้น จึงอยากฝากให้สังคมไทยมีการฝึกฝนฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อปรับแนวคิด ความเชื่อประชาชนให้มีเหตุมีผลจนทำให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมฐานความรู้วิทยาศาสตร์ต่อไป” ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าว