ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ข่าวทั่วไป Friday July 29, 2005 14:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดอันดับเครดิตข้ามชาติ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ระดับ ‘BB’ แนวโน้มเป็นบวก อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ ‘B’ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘BB-’ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ ‘D’ และอันดับเครดิตสนับสนุนที่ ‘3’ ในขณะเดียวกัน บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวของธนาคารที่ระดับ ‘A-(tha)’ แนวโน้มเป็นบวก อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘BBB+(tha)’
อันดับเครดิตของธนาคารสะท้อนให้เห็นถึงผลกำไรที่ดีขึ้น ถึงแม้ว่าความเสี่ยงจากการกันสำรองหนี้สูญยังอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไร อันดับเครดิตระยะยาวและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินยังคงถูกจำกัดด้วยระดับการกันสำรองหนี้สูญและระดับเงินกองทุนที่ต่ำของธนาคาร อย่างไรก็ตาม การเติบโตของรายได้ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของผู้ถือหุ้น คาดว่าจะช่วยให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเพิ่มความแข็งแกร่งของระดับการกันสำรองหนี้สูญดังกล่าวได้
ธนาคารกรุงศรีอยุธยารายงานผลกำไรสุทธิที่ 4.7 พันล้านบาท ในปี 2547 เพิ่มขึ้นจาก 3.1 พันล้านบาท ในปี 2546 เนื่องมาจากอัตราการเติบโตของการให้สินเชื่อที่สูงขึ้น การลดลงของต้นทุนการปล่อยสินเชื่อ และรายได้จากค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น อัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 2.5% หลังจากที่มีการไถ่ถอนหุ้นบุริมสิทธิควบหุ้นกู้ด้อยสิทธิในเดือนมีนาคม 2547 ในไตรมาสแรกของปี 2548 ธนาคารกรุงศรีอยุธยายังคงรายงานผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยผลกำไรสุทธิของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านบาท จาก 1.2 พันล้านบาท ในไตรมาสแรกของปี 2547 เนื่องมาจากต้นทุนการปล่อยสินเชื่อที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องและการเติบโตของสินเชื่อ รวมทั้งรายได้จากค่าธรรมเนียมและกำไรพิเศษจากการลงทุนที่สูงขึ้น
ระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ 63.8 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2548 ลดลงจาก 67.8 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 เนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นและความพยายามในการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคาร ระดับการกันสำรองหนี้สูญ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2548 อยู่ที่ระดับ 22 พันล้านบาท โดยระดับการกันสำรองหนี้สูญดังกล่าวเท่ากับ 34.5% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าธนาคารอื่นในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ธนาคารอาจต้องกันสำรองหนี้สูญเพิ่มเติมในอนาคต ถึงแม้ว่ามูลค่าของหลักประกันที่ปรับตัวสูงขึ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวลงได้ในระดับหนึ่ง ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ให้เหตุผลถึงระดับสำรองหนี้สูญที่ต่ำของธนาคารว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ธนาคารมีระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เกิดจากสินเชื่อที่ทำการปล่อยกู้ร่วมกับเจ้าหนี้รายอื่นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าธนาคารอื่น และสัดส่วนที่สูงกว่าของสินเชื่อที่มีหลักประกันซึ่งปล่อยให้กับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง
หลังจากการไถ่ถอนหุ้นบุริมสิทธิควบหุ้นกู้ด้อยสิทธิในเดือนมีนาคม 2547 เงินกองทุนทั้งหมดของธนาคารได้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 10.5% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเงินกองทุนขั้นที่ 1 อยู่ที่ 6.1% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2548 แม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้น อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลังหักสำรองหนี้สูญต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของธนาคารที่สูงในระดับ 120% ได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของเงินกองทุนของธนาคาร ซึ่งยังอยู่ในระดับที่อ่อนแอกว่าธนาคารอื่นๆ การฟื้นตัวของรายได้และการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของผู้ถือหุ้น ในระยะเวลา 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า อาจช่วยฟื้นฟูระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถึงแม้ว่าการเริ่มต้นจ่ายเงินปันผลอาจลดทอนผลบวกของปัจจัยดังกล่าวข้างต้นต่อฐานะเงินกองทุนของธนาคาร
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2488 และเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย โดยมีสาขาทั้งสิ้น 455 สาขา ส่วนแบ่งการตลาดทางด้านสินเชื่อของธนาคารอยู่ที่ 9.2% และส่วนแบ่งการตลาดทางด้านเงินฝากอยู่ที่ 9.6% ธนาคารมีบริษัทในเครือซึ่งดำเนินธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจบริหารกองทุน และธุรกิจเช่าซื้อ ตระกูลรัตนรักษ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ได้ควบคุมการบริหารงานของธนาคารตั้งแต่ในช่วงปลายทศวรรษ 2500 โดยการถือหุ้นของตระกูลรัตนรักษ์และกลุ่มที่เกี่ยวข้อง มีสัดส่วนประมาณ 36% ของหุ้นทั้งหมดของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และยังคงมีบทบาทอยู่ในคณะกรรมการและคณะผู้บริหารของธนาคาร
ติดต่อ
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์, Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4762/4759
David Marshall, ฮ่องกง +852 2263 9963
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ท่านสามารถหาได้จาก www.fitchratings.com รวมทั้ง อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต และนโยบายที่เกี่ยวข้องซึ่งได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวไว้ตลอดเวลา เอกสารนี้จะปรากฎอยู่บนเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นเวลา 7 วัน--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ