กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--IR network
MLINK ยกเครื่องใหม่ปรับโฉมหัวจรดท้ายเปลี่ยนชื่อเป็น FERRUM สลัดภาพกลุ่มทุนเก่าเปิดมิติใหม่การลงทุน!ลุยโรงไฟฟ้า-ติดตั้งกล้องอัจฉริยะ-ตรวจจับน้ำมันรั่ว-นาโนไฟแนนซ์งานนี้ผู้ถือหุ้นยกมือหนุนเต็มพิกัด ดันผลงานปี”58 กลับมาเทิร์นอะราวด์
บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น (MLINK) เดินหน้าล้างภาพกลุ่มทุนเก่า เริ่มจากการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บมจ.เฟอร์รั่ม จำกัด(มหาชน) (FERRUM) หรือ FER ผู้บริหารใหม่ไฟแรง
“ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ประกาศพลิกโฉมทุกมิติตั้งแต่หัวจรดท้าย พร้อมเปิดประตูสู่การลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ประกาศชัดทำแล้วต้องมีกำไร เผยธุรกิจเป้าหมายมีทั้งโรงไฟฟ้า-ติดตั้งกล้องอัจฉริยะตรวจจับน้ำมันรั่ว-เกมส์-บุกตลาดนาโนไฟแนนซ์-รุกวงการขนส่ง เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้-กระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต ระบุกลุ่มทุนใหม่พร้อมให้การสนับสนุนการทำงานของบอร์ดชุดใหม่อย่างเต็มที่ คาดผลักดันผลการดำเนินงานในปี”58 กลับมา “เทิร์นอะราวด์” ได้อย่างแน่นอน
ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MLINK) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 มีมติให้ MLINK เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท เฟอร์รั่ม จำกัด (มหาชน) (FERRUM) หรือ FER เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต ที่จะมีการพลิกโฉมการดำเนินธุรกิจ และเปิดมิติใหม่การลงทุน โดยทีมผู้บริหารชุดใหม่ และคณะกรรมการของบริษัทได้มีการวางแผนการดำเนินงานทั้งระยะสั้น และระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยโครงสร้างธุรกิจของบริษัทจะมีความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายมือถือFERRUM เตรียมเข้าไปดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ธุรกิจติดตั้งกล้องตรวจจับน้ำมันรั่วอัจฉริยะ ธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ ธุรกิจขนส่ง และธุรกิจเกมบนมือถือ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้อย่างแน่นอน
“แผนการดำเนินงานในปีนี้ เราได้มีการปรับแผนธุรกิจใหม่ หลังการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น และมีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดชุดใหม่ และดึงผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาร่วมงาน โดยหลังจากนี้ไป FERRUM จะเป็นกลุ่มธุรกิจ ที่มีการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง อีกทั้งจะสามารถทำให้บริษัทมีความคล่องตัว พร้อมทั้งผลักดันรายได้และผลตอบแทนของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”ดร.ประสิทธิ์กล่าวว่า
ล่าสุด ในช่วงไตรมาส 1/2558 คณะกรรมการบริษัทมีมติให้บริษัท เอ็มลิ้งค์ เอ็นเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ MLINK ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% จัดตั้งและร่วมทุนกับบริษัทสามารถ ยูทรานส์ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน50:50 โดยบริษัทมีวัตตุประสงค์เพื่อ ดำเนินธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงพลังงานและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ใช้ชื่อ บริษัท เชียงใหม่ เวสท์ทูเพาเวอร์ จำกัด โดยทำการคัดแยกขยะ ทำการผลิตเชื้อเพลิ้งขยะ (RDF) ทำการผลิตไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลิ้งขยะ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ คาดว่าจะเซ็นสัญญาซื้อขยะกับบริษัทเอกชนในเชียงใหม่ ได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อเดินหน้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ และขายไฟให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ในปี 2560
ขณะเดียวกันยังได้จัดตั้งบริษัท เอ็มลิ้งค์ คิวไออาร์ จำกัด ขึ้นมา เพื่อขายสินค้าและบริการให้กับบริษัทในประเทศเวียดนามและบริษัทในไทย โดยบริษัท ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 60% และบริษัท ควอนตัม ไออาร์ เทคโนโลจีส์ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 40%
“ควอนตัม ไออาร์ เทคโนโลจีส์ ถือว่ามีความเชี่ยวชาญในธุรกิจจัดหา ติดตั้ง และให้บริการระบบกล้อง และระบบการจับน้ำมันรั่วอัจฉริยะ ซึ่งกลุ่มลูกค้าได้แก่ กลุ่มบริษัทน้ำมันในภูมิภาค CLMV โดยปัจจุบัน ได้เริ่มดำเนินการให้บริการกับทาง PetroVietnam ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2558 มูลค่าโครงการรวมทั้งโครงการประมาณ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการขยายธุรกิจลงทุนโรงไฟฟ้า และติดตั้งกล้องตรวจจับน้ำมันรั่วอัจฉริยะแล้ว FERRUM อยู่ระหว่างเตรียมขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ สนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนในระดับรากหญ้าได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งบริษัทได้มีการเตรียมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปล่อยสินเชื่อไว้พร้อมแล้ว และหากได้รับ ไลเซ่นจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บริษัทก็พร้อมเข้ารุกธุรกิจนี้ได้ทันที นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาเตรียมจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งภาคพื้นดิน โดยกลุ่มบริษัทมุ่งเน้นให้ลูกค้าเกิดความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมทั้งรับรองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อเป็นการยกระดับชีวิตคนไทยทุกคนและในส่วนของ MSeed Asia ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ของบริษัทที่ขยายมาสู่การพัฒนาเกมนั้น ในปีนี้คาดว่าจะสร้างได้รายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท