กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--Worklink PR
SMART เดินหน้าเจาะตลาด AEC ทั้งพม่า ลาว เวียดนาม เล็งคว้าออร์เดอร์ใหม่ภายในไตรมาส2 พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์ “SMART บล็อกเย็น” กับกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ คาดตลาดในประเทศคึกคักครึ่งปีหลัง แม้ผลงานไตรมาส 1/58 หดตัว มั่นใจครึ่งปีหลังจะสามารถสร้างผลงาน และทำกำไรได้
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายตลาดออกไปในกลุ่มประเทศ AEC มากขึ้น เนื่องจากงานก่อสร้างมีการขยายตัวสูง ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มเข้าไปทำตลาดในประเทศ พม่า ลาว เวียดนาม โดยมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก และคาดว่าจะเริ่มมีคำสั่งซื้อจากกลุ่มประเทศดังกล่าวเข้ามาภายในไตรมาส 2 ปีนี้
ภาพรวมในประเทศไทยคาดว่าจะยังไม่คึกคักมากนัก แต่พื้นที่ภาคตะวันออกในส่วน นิคมอุตสาหกรรมและ โครงการที่อยู่อาศัย ภาคเอกชน เช่น อาคารพาณิชย์ บ้านแนวราบ และ ทาวน์เฮ้าส์ ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง บริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าและสร้างแบรนด์ “SMART บล็อกเย็น” ให้เป็นที่รู้จัก ได้รับความเชื่อถือจากกลุ่มผู้ใช้งาน ในฐานะอิฐมวลเบาที่มีมาตรฐานสูง G4-G6 เป็นทางเลือกในการแก้ปัญหางานก่อสร้าง ลดต้นทุน ประหยัดแรงงาน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว อีกทั้งเป็นวัสดุที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยช่วยป้องกันความร้อนและเก็บเสียงได้ดี โดยล่าสุดบริษัทได้จัดกิจกรรมทางการตลาด ออกบูธในงานสถาปนิก 2015 ที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้บริษัทจะมีการจัดกิจกรรมการตลาดรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง
“แม้ตลาดจะมีการชะลอตัวในปี 2558 แต่เราคาดว่ายังสามารถรักษาเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ในระดับใกล้เคียงกับรายได้รวมในปี 2557 โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 ทิศทางภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศ จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ตามการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะเริ่มดำเนินโครงการ และคาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตามไปด้วย”นายรังสี กล่าว
อย่างไรก็ตามผลประกอบการในไตรมาส 1/2558 ที่ออกมานั้นบริษัทยอมรับว่าปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยรายได้รวมของงวดผลประกอบการไตรมาส 1 /2558 อยู่ที่ 86.32 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 32.20 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1.00 ล้านบาท ผลจากการชะลอตัวของตลาดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา อีกทั้งราคาขายในตลาดปรับตัวลดลงจากการชะลอตัวของตลาดวัสดุก่อสร้าง นอกจากนั้นยังเกิดจากปัจจัยโดยภาพรวมของประเทศที่ชะลอตัว ถึงแม้จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการเร่งเบิกจ่ายเงินของงานรัฐบาล และการฟื้นตัวของตลาดส่งออก แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายในไตรมาสแรก อีกทั้งปีนี้รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวจึงเกิดวันหยุดต่อเนื่องยาวหลายวัน ส่งผลให้ความต้องการตลาดวัสดุก่อสร้างชะลอตัว สินค้าหลายประเภทต่างออกโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดขายที่หดตัว ในงานโครงการมีการเสนอราคาพิเศษเพิ่มส่วนลดมากกว่าปกติ