ECF รุกตลาดในและนอกประเทศเต็มสูบ ขยายช่องทางจำหน่ายทุกรูปแบบ เดินหน้าเพิ่มออร์เดอร์ ตะวันออกกลางและ AECดันยอดพุ่ง เผยงบไตรมาสแรกชะลอตัวเล็กน้อย คาด Q2 เริ่มฟื้นตัว มั่นใจทั้งปีโตตามเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 14, 2015 15:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--Worklink Da Agency นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้ารุกตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดในประเทศยังคงมีการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งบริษัทได้มีการขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆผ่านทางโมเดิร์นเทรด ร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ โชว์รูม และช่องทางออนไลน์ ขณะที่ตลาดต่างประเทศแม้ไตรมาสที่ผ่านมาจะชะลอตัวจากกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น แต่บริษัทคงแผนการขยายฐานลูกค้า และเจรจาเงื่อนไขเพื่อเพิ่มปริมาณคำสั่งซื้อในกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีการส่งออกอยู่แล้ว อาทิ ลูกค้าในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งที่ผ่านมามีออเดอร์เพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ ส่วนตลาดหลักในประเทศญี่ปุ่นแม้ยอดขายจะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่บริษัทก็ได้มีการเข้าไปเจรจากับกลุ่มลูกค้าใหม่ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น "ตลาดญี่ปุ่นและอเมริกาตอนนี้ยอดขายชะลอตัว แต่แถบตะวันออกกลางมีออเดอร์มากขึ้นอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดจากออเดอร์ลูกค้ากลุ่มนี้ เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ซึ่งหากเทียบจากไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว ยอดขายของกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว"นายอารักษ์กล่าว นอกจากนี้บริษัทได้มีการจัดตั้งทีมดูแลตลาดกลุ่มประเทศในเขตเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งภายในปีนี้มีแผนจะเพิ่มยอดขายใน AEC ให้มีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ของยอดขายรวม โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งได้รับออร์เดอร์จากลูกค้าในประเทศมาเลเซีย และเตรียมที่จะส่งสินค้าออกไปในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ จากที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าไปขยายตลาดในประทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มาแล้ว สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2558 มีกำไรลดลงในขณะที่ยังสามารถรักษามูลค่ารายได้จากการขายได้ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ โดยงวดผลประกอบการไตรมาส 1 /2558 รายได้รวมอยู่ที่ 336.39ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 334.82ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 17.66ล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 22.60 ล้านบาทโดยสาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส1/2558 ลดลงนั้น เนื่องมาจากบริษัทได้กระตุ้นยอดขายด้วยการลดราคาสินค้าลง เพื่อพยายามรักษาระดับยอดขายให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเร่งยอดขายและระบายสต็อกสินค้าที่มีอยู่ออก โดยได้วางแผนที่จะพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบสินค้าเพื่อกำหนดราคาขายใหม่ ซึ่งผลจากการลดราคาสินค้าส่งผลให้บริษัท มีอัตรากำไรสุทธิที่ลดลงจากเดิม อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลประกอบการจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส2/2558 เป็นต้นไป หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำลังซื้อจากต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่ผ่านมาดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการปี 2558 จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า12% ตามเป้าหมายที่วางไว้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ