กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาเก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์
“โสสุโก้” มองภาพรวมตลาดกระเบื้องปูพื้นและบุผนังของไทยครึ่งปีแรกยังซบเซา แต่จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังด้วยอานิสงส์จากการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยปีนี้บริษัทฯ เตรียมขยายกำลังการผลิตโดยซื้อเครื่องจักรผลิตกระเบื้องดิจิตอลเพิ่ม พร้อมดันตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 จากเดิมส่งออกร้อยละ 25 โดยมุ่งขยายตลาดในแอฟริกา ตั้งเป้าคาดยอดขายรวมปีนี้ที่ 5,000 ล้านบาท
นายกิตติชัย ไกรก่อกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ตลาดกระเบื้องปูพื้นและบุผนังของไทยหดตัวราวร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ และผู้บริโภคยังมีภาระในการผ่อนรถคันแรก แต่ตลาดน่าจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป โดยเป็นผลจากการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตดี ทำให้มีความต้องการวัสดุก่อสร้างเพื่อการซ่อมแซมตกแต่งสถานที่รองรับนักท่องเที่ยว ประกอบกับรัฐบาลได้เบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการปรับปรุงโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการซ่อมสร้าง เช่น กระเบื้อง มียอดขายเพิ่มขึ้น
สำหรับทิศทางธุรกิจของโสสุโก้ในปีนี้จะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์กระเบื้องแผ่นใหญ่ที่พิมพ์ลายด้วยระบบดิจิตอล ขนาด 50-60 ซ.ม. สำหรับปูพื้น รวมถึงขนาด 25x40 ซ.ม. และ 30x50 ซ.ม. สำหรับบุผนัง ตามแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่นิยมกระเบื้องขนาดใหญ่ เพราะเห็นรอยต่อน้อยลงดูสวยงามกลมกลืน และจะลงทุนอีกราว 100 ล้านบาท ในการเพิ่มจำนวนเครื่องจักรผลิตกระเบื้องดิจิตอล เพื่อให้สามารถผลิตกระเบื้องปูพื้นและบุผนังครบทุกขนาดตามความต้องการของตลาด
พร้อมกันนี้จะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกจากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 30 โดยจะหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมในทวีปแอฟริกา เช่น ประเทศแทนซาเนีย และเคนย่า ซึ่งอยู่ติดทะเลและสามารถใช้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อไปสู่ประเทศใกล้เคียงที่ไม่มีทางออกทะเล โดยใช้พันธมิตรผู้จำหน่ายกลุ่มเดิมช่วยกระจายสินค้าและขยายฐานลูกค้าออกไปให้กว้างขึ้น เพราะมีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์รสนิยมของผู้บริโภค คุณภาพสินค้าได้มาตรฐาน มีความหลากหลายทั้งในด้านสีสันลวดลาย ขนาด ประโยชน์ใช้สอย มีความคงทน สวยงาม และราคาเหมาะสม
“เราส่งออกสินค้าไปยัง 35 ประเทศ ครอบคลุมทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และแอฟริกา ร้อยละ 70 ของสินค้าส่งออกของเราส่งไปในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งรสนิยมผู้บริโภคคล้ายกับคนไทย แต่ปีนี้จะเน้นรุกตลาดในทวีปแอฟริกามากขึ้น โดยโสสุโก้เข้าไปทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2545 มีสินค้าจำหน่ายแล้วกว่า 10 ประเทศ และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะหลายประเทศในแอฟริกากำลังพัฒนาด้านเศรษฐกิจ มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคและที่อยู่อาศัย อีกทั้งยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าอีกเป็นจำนวนมาก จึงเป็นกลุ่มประเทศที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับความต้องการและรสนิยมของผู้บริโภคในตลาดคล้ายกับคนเอเชีย ชอบลวดลายธรรมชาติ เช่น ลายไม้ ลายดอก หรือลายกราฟฟิกสีสันสดใส ผลิตภัณฑ์ที่โสสุโก้ผลิตอยู่แล้วจึงตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี” นายกิตติชัยกล่าว
ปัจจุบันโสสุโก้เป็น 1 ใน 3 ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องรายใหญ่ที่สุดของไทย และเป็นผู้ส่งออกกระเบื้องเซรามิกอันดับ 1 ของประเทศ ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติทั้งในด้านคุณภาพสินค้าและมาตรฐานการผลิต ที่ผ่านมาได้ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยปรับปรุงขั้นตอนการผลิตเพื่อให้ผลิตสินค้าได้เร็วขึ้นพร้อมทั้งลดต้นทุนด้านพลังงาน ทำให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพโดยที่ยังสามารถควบคุมระดับราคาไม่ให้สูงเกินไป อีกทั้งลดปริมาณของเสียจากกระบวนการผลิตด้วยการรียูส รีไซเคิล และวิธีการอื่นๆ จึงไม่มีการนำของเสียจากโรงงานไปฝังกลบ (zero waste to landfill) ทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9000 (การบริหารงานคุณภาพ) ISO 14001 (การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม) ISO 5001 (การอนุรักษ์พลังงาน) OHSAS 18001 (การจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย) เป็นต้น ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ส่วนการควบคุมมาตรฐานสินค้าเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) รวมถึงมาตรฐานเฉพาะที่ใช้ในประเทศที่เป็นตลาดส่งออก เช่น มาตรฐานมาเลเซีย (Sirim) มาตรฐานฟิลิปปินส์ (PS Standard)
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพนักงานและคนในสังคมด้วยกิจกรรมเพื่อสังคมหลายอย่าง โดยเฉพาะในด้านการศึกษาและการพัฒนาเยาวชน เช่น การให้ทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงาน ตัวแทนจำหน่าย รวมถึงนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงอุดมศึกษา ปีละ 3.5 ล้านบาท มาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว เป็นจำนวนกว่า 1,000 ทุนต่อปี การสนับสนุนชมรมหมากกระดานโอเทลโล่ (ประเทศไทย) ในการจัดการแข่งขันระดับประเทศและส่งตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันระดับโลก เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และพัฒนาสติปัญญา รวมถึงการมอบเงินสนับสนุนผู้ได้รับรางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และมอบตู้หนังสือแก่โรงเรียนต้นสังกัด การสนับสนุนโครงการคนรุ่นใหม่หัวใจอาสา (Gen A) เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีจิตอาสาร่วมกันพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น และการสนับสนุนทีมเชียร์ลีดเดอร์ไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยล่าสุดสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ จากการแข่งขัน Asia Cheerleading Invitational Championship 2015 ที่ประเทศสิงค์โปร์อีกด้วย