กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--IR PLUS
EA ผู้นำแห่งพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ทำให้ผิดหวัง โชว์ผลงาน Q1/58 มีกำไรสุทธิถึง 580 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 26% หลังประสบความสำเร็จจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสง อาทิตย์ ลำปาง เริ่มขายไฟได้ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้สัดส่วนกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มเป็น 90% “อมร ทรัพย์ทวีกุล” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจ Q2/58โตต่อเนื่อง ประกอบกับ แผนรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลมในปีนี้ มูลค่า 18,000 ล้านบาทเป็นไปตามเป้า หนุนการเติบโตแข็งแกร่งในอนาคต ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีเติบโตไม่น้อยกว่า 30%
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลและกลีเซอรีน รวมถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัทฯ ว่า ในไตรมาส 2/2558 มีทิศทางเติบโต อย่างต่อเนื่องจาก ไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องจาก ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกรมธุรกิจพลังงานได้ออกประกาศ เรื่องกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558ลงวันที่ 3 เมษายน 2558 ให้ปรับ เพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันใน น้ำมันดีเซลหมุนเร็วกลับมาเป็นร้อยละ 7 โดยผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายนนี้แล้ว จึงส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการจำหน่ายในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา
ประกอบกับปัจจุบันนี้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3แห่ง รวม 188 เมกะวัตต์ ซึ่งนอกจากกำลังการผลิตที่สูงขึ้นจากในช่วงที่ผ่านมาแล้ว บริษัทฯ ยังมีจุดเด่นจากเทคโนโลยีการติดตั้งโรงไฟฟ้าขนาด 90 เมกะวัตต์ จ.ลำปาง ที่มีความทันสมัยที่สุด ด้วยระบบปรับทิศทางการรับแสงอาทิตย์ได้ทำให้รายได้มีโอกาสเพิ่ม ขึ้นจากปีก่อนมาก และภาพการเติบโตของรายได้และกำไรจะแสดงให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นใน ไตรมาส 2/2558 นี้เป็นต้นไป เพราะจะเป็นการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นแบบเต็มไตรมาสจากโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งวดไตรมาส 1/2588 (สิ้น สุดวันที่ 31 มีนาคม 2558) มีราย ได้รวมอยู่ที่ 2,013 ล้าน บาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,090 ล้านบาท หรือลดลง 4 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่สามารถทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 580 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 460 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์
ด้านธุรกิจผลิตและจำหน่าย กระแสไฟฟ้าประสบผลสำเร็จด้วยดี โดยมีรายได้ในไตรมาสแรกอยู่ที่ 771 ล้าน บาท สูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 43 เนื่องมาจากเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่าน มา ได้มีการเปิดดำเนินงานในเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าขนาด 90 เมกะวัตต์ จ.ลำปาง รายได้จึงเพิ่มขึ้น
สำหรับธุรกิจผลิตและ จำหน่าย น้ำมันไบโอดีเซลและกลีเซอรีนนั้นมีรายได้อยู่ที่ 1,231 ล้าน บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 240 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัจจัยด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล ที่ในไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ 35.22 ล้าน ลิตร ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 41.51 ล้านลิตร และมีปริมาณการจำหน่ายกลีเซอรีนบริสุทธิ์ในไตรมาสนี้ได้ 3.75 ล้านกิโลกรัม รายได้จากธุรกิจนี้ได้รับผลกระทบจากการที่กรมธุรกิจพลังงานได้ ออกประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับ ที่ 4) พ.ศ.2558 ให้ปรับลดสัดส่วน ผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอส เตอร์ของกรดไขมันในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 3.5โดยให้มี ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2558 ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน ไบโอดีเซลของบริษัทฯ ลดลง อย่างไรก็ตาม จากนโยบายของกรมพลังงานฉบับใหม่ ส่งผลให้ในช่วงต่อจากนี้ ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลจะมีทิศทางที่ดีขึ้น
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไบโอดีเซล 70% และจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 30%แต่มีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าถึง 90% และสัดส่วนจากธุรกิจไฟฟ้าจะเพิ่ม ขึ้นตามความสำเร็จของโครงการที่บริษัทฯ ทยอยก่อสร้างและรับรู้รายได้ในแต่ละปี จึงมุ่งขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่ม ล่าสุดอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า ขนาด 90 เมกะวัตต์ ที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีระบบปรับทิศทางการรับแสงอาทิตย์เช่นกัน และลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดรวม 126 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย ที่จ.นครศรี ธรรมราช 2 โครงการ และ จ.สงขลา อีก 1 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นในปีนี้ประมาณ 18,000 ล้านบาท สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ซึ่งในเบื้องต้นตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้จะโตไม่น้อยกว่า 30%” นายอมร กล่าว