กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่
GPSC พร้อมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและสาธารณูปโภคไทยที่จะก้าวไกลใน ต่างแดน นักลงทุนขานรับหลังการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก เนื่องจากพื้นฐานดี มีรายได้มั่นคง ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และมีความเป็นมืออาชีพ รวมถึงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามแผนการขยายธุรกิจที่มีความชัดเจนทั้งเป้าหมายในระยะสั้นและระยะยาว
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็นบริษัทผู้นำทางการผลิตและการจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูปโภคขนาดกลางที่เข้มแข็ง เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงแม้ในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น เนื่องจากประกอบธุรกิจสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทั้งยังมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นหน่วยงานภาครัฐและอุตสาหกรรมที่มีความมั่นคง มีการทำสัญญาระยะยาว ซึ่งทำให้บริษัทได้รับรายได้ที่แน่นอน ล่าสุด GPSC ได้จัดทำสัญญาซื้อขายสาธารณูปโภคกับ บริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด (PPCL) โดยมี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด 100% เพื่อจ่ายให้กับโรงงานฟีนอล แห่งที่ 2 (PPCL2) โดยสัญญามีอายุ 15 ปี นับจากวันที่เริ่มรับสาธารณูปโภคในเชิงพาณิชย์ มีปริมาณตามสัญญา ดังนี้ ไฟฟ้า11.5 MW ไอน้ำ 130 ตัน/ชั่วโมง และน้ำอุตสาหกรรม 34 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ซึ่งการจัดทำสัญญาซื้อขายครั้งนี้ แสดงถึงความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อ GPSC ว่าสามารถจัดหาสาธารณูปโภคเพื่อรองรับความต้องการใช้ในปัจจุบันและมีความพร้อมในการรองรับการเจริญเติบโตของลูกค้า และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในอนาคตอีกด้วย รวมทั้งยังมีผู้บริหารที่มีความเป็นมืออาชีพในการขยายธุรกิจให้เติบโตทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของบริษัท ด้วยเหตุนี้ หุ้น GPSC จึงเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งและได้รับการตอบรับอย่างเกินความคาดหมาย
นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า “GPSC มุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจไฟฟ้าของภูมิภาคเอเชีย เพื่อสร้างฐานที่มั่นคงให้กับธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของไทยให้ก้าวไกลและเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยการระดมทุนครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในการขยายกิจการในธุรกิจต่างๆ ของ GPSC ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของ GPSC ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้ มีเป้าหมายระยะสั้นที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มจากปัจจุบันอีก 600–1,000 เมกะวัตต์ ภายในปีพ.ศ. 2562 โดยเน้นการเข้า
ซื้อกิจการโรงไฟฟ้า และลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น (Cogeneration Power Plant) โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Cycle Power Plant) และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ซึ่งจะดำเนินการควบคู่กับเป้าหมายระยะยาวที่จะขยายตัวไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ” กลยุทธ์ที่วางไว้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคตของบริษัท
“นอกจากนี้ ในผลประกอบการไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2558 GPSC ยังมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ โดยมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิถึง 444.6% หรือ เพิ่มจาก 98 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 531 ล้านบาทในปี 2558 ในขณะที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 30.04% จาก 4,978 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 6,473 ล้านบาทในปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ระยะสั้น ในการเข้าลงทุนในกิจการที่พร้อมปฏิบัติการและที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าหากโครงการเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดจะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนในอนาคตระยะยาว GPSC ก็จะเน้นในการลงทุนในโครงการใหญ่ และโครงการเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงในการขยายตัวและเติบโต” นายนพดลกล่าว
อนึ่ง GPSC ได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน?374.58 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 8, 11 และ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยได้กำหนดราคาไว้ที่ 27 บาท ต่อหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10.00 บาท หากคำนึงถึงลักษณะธุรกิจ กลุ่มลูกค้า แผนกลยุทธ์ที่ไตร่ตรองอย่างรอบด้าน รวมถึงความเป็น มืออาชีพและบรรษัทภิบาลของผู้บริหาร GPSC จัดเป็นหุ้นที่น่าจับตามองมากที่สุดตัวหนึ่งที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไทยเลยทีเดียว