กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--สำนักงาน ป.ป.ช.
ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕8 เวลา 1๕.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงถึงความคืบหน้ากรณีทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง โดยมิชอบ ว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งให้ไต่สวนข้อเท็จจริง ที่ 129/2556 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี พลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโท สุพร พันธ์เสือ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง จากจัดจ้างเป็นรายภาคเปลี่ยนเป็นจัดจ้างรวมกันที่ส่วนกลางในครั้งเดียว เพื่อช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการรายหนึ่งรายใด ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นเหตุให้ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ เป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง นั้น
ในการไต่สวนข้อเท็จจริงคณะอนุกรรมการไต่สวนพบว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขณะเป็นรองนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่กำกับการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ในขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอเรื่องดังกล่าวให้พิจารณา ทราบอยู่แล้วว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไปดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างเป็นรายภาค ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอและคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้แล้ว หรือหากสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการเปลี่ยนแปลงวิธีการก่อสร้างก็ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติก่อน ดังเช่นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เคยปฏิบัติมาแล้ว เมื่อคราวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีบันทึกข้อความ ที่ 0009.6/8096 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ขอเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้างก่อสร้างจากรูปแบบการลงทุนภาครัฐ โดยวิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ โดยให้บริษัท ธนารักษ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ เป็นดำเนินการในรูปแบบการลงทุนภาครัฐ โดยวิธีจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการโครงการผูกพัน 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 – 2554 แต่ท่านกลับลงนามอนุมัติ ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้างก่อสร้าง โดยห้ามรื้อถอนอาคารเดิม เพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป โดยไม่เสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้างก่อสร้าง จนกระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ไปดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างที่ส่วนกลาง โดยมีผู้รับจ้างเพียงรายเดียวก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 โรงพัก ทั่วประเทศ เป็นให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จก่อให้เกิดความเสียหายต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางราชการอย่างร้ายแรง
คณะอนุกรรมการไต่สวน จึงมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางราชการอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157