กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--พีอาร์ดีดี
ไทคอนผนึกกำลังกับ SSIA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอินโดนีเซีย และมิตซุยจากญี่ปุ่น ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อ “PT SLP SURYA TICON INTERNUSA” (SLP) ด้วยทุนจดทะเบียน 46.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านการพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าระดับสากลในอินโดนีเซีย มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าหลักจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์ อิเล็คทรอนิคส์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่าของประเทศไทย เปิดเผยรายละเอียดการร่วมทุนระหว่างบริษัท พีที เซอร์ยา ซีเมสตา อินเตอร์นูซ่า ทีบีเค (PT Surya Semesta Internusa Tbk - SSIA) และบริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี ในการจัดตั้งบริษัทใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อว่า “PT SLP SURYA TICON INTERNUSA” หรือ SLP ด้วยทุนจดทะเบียนขั้นต้น 46.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท โดย SSIA ถือหุ้นร้อยละ 50 ขณะที่มิตซุย และไทคอนถือหุ้นร้อยละ 25
ทั้งนี้ SLP มีเป้าหมายในการเป็นผู้พัฒนาและบริหารจัดการคลังสินค้าและโรงงานเพื่อให้เช่าระดับสากลในประเทศอินโดนีเซีย โดยโครงการนำร่องในเฟสแรก ครอบคลุมคลังสินค้า 16 ยูนิต ขนาดพื้นที่อาคาร 2,160 ตารางเมตร รวมพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 34,560 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จและมีผู้เช่าคลังสินค้าแล้วกว่า 81 เปอร์เซนต์ โดย SLP วางแผนพัฒนาโครงการ ในระยะต่อไปในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งเมื่อพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ จะทำให้ SLP มีพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานให้เช่าภายในโครงการเทคโนปาร์ค (Technopark) รวมทั้งสิ้น 146,195 ตารางเมตร
“การลงทุนครั้งนี้ นับเป็นการรุกขยายธุรกิจของไทคอนในประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก โดยร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพสูงอย่างSSIA ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของอินโดนีเซีย รวมถึงบริษัทมิตซุย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการค้า การลงทุน และบริการที่หลากหลายและครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับไทคอน เพราะสะท้อนให้เห็นว่าคู่พันธมิตรมีความมั่นใจในศักยภาพและความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่าของไทคอนที่สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนานกว่า 25 ปี ซึ่งไทคอนเชื่อมั่นว่า ด้วยสัมพันธภาพทางการค้าที่แข็งแกร่งระหว่างไทคอนกับกลุ่มลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติจากทั่วโลก ตั้งแต่กลุ่มผู้ผลิตไปจนถึงกลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ บริษัทฯจะสามารถนำข้อได้เปรียบนี้มาต่อยอดและสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัทร่วมทุนนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า และความสามารถในการตอบสนองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและวิศวกรรมการก่อสร้างและพัฒนาโครงการให้ได้มาตรฐานระดับสากล” นายวีรพันธ์ กล่าว
นายโจแฮนนาส ซูเรียดาจา ประธานอำนวยการ บริษัท พีที เซอร์ยา ซีเมสตา อินเตอร์นูซา ทีบีเค (SSIA) กล่าวว่า “ปัจจุบันประเทศอินโดนีเซียเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่สำคัญ เนื่องจากรัฐบาลอินโดนีเซียอยู่ระหว่างการเพิ่มงบประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาทในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ได้วางแผนไว้แล้วในปีนี้ ซึ่งจะมีการเบิกจ่ายประจำปีเพื่อการบำรุงรักษาและยกระดับเครือข่ายโลจิสติกส์และบริการสาธารณะของประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงเห็นค่อนข้างชัดเจนว่าความต้องการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”
“เนื่องจาก SSIA เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอินโดนีเซีย บริษัทจึงได้เปรียบในด้านความรู้ความเข้าใจในท้องถิ่นเป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านโลเคชั่นในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม รวมไปถึงบริการที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าของบริษัท SLP ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ โดย SLP ได้พัฒนาโครงการนำร่องบนที่ดินจำนวน 22 เฮกตาร์ในโครงการเซอร์ยาซิปตาร์ เทคโนปาร์ค (Suryacipta Technopark) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเข้านิคมอุตสาหกรรมเซอร์ยาซิปตาร์ซิตี้ (Suryacipta City of Industry) จังหวัดการาวัง ในจาวาตะวันตก กิโลเมตรที่ 55 ทางตะวันออกของกรุงจาการ์ตา ทั้งนี้ เทคโนปาร์ค (Technopark) นับเป็น ทำเลยุทธศาสตร์ของอินโดนีเซีย เนื่องจากสะดวกต่อการเข้าถึงถนนสายสำคัญซึ่งสามารถเชื่อมต่อจากทางยกระดับไปยังสนามบิน และท่าเรือ รวมถึงสนามบินการาวัง และท่าเรือซิลามายาซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็นเมืองหลวงทางด้านตะวันออกของประเทศอินโดนีเซีย การาวังยังเป็นศูนย์กลางการเจริญเติบโตด้านการค้าและบริการที่ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านต่างๆ ให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านค้าปลีก โมเดิร์นเทรด และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า ด้วยศักยภาพของ ทำเลยุทธศาสตร์แห่งนี้จะทำให้โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของ SLPประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน”
ด้าน นายเออิชิ ทานาเบ ผู้จัดการทั่วไป แผนกพัฒนาธุรกิจต่างประเทศที่ 2 ฝ่าย Urban Development บริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี กล่าวเสริมว่า “อินโดนีเซียได้กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนสำหรับบริษัทต่างชาติที่ทวีความสำคัญเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนถึงร้อยละ 9.5 ในปี 2557 โดยอินโดนีเซียจะกลายเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในการรองรับความต้องการของตลาดภายในประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังมีส่วนผลักดันให้การส่งออกเติบโตได้อย่างมีศักยภาพอีกด้วย โดยเฉพาะหลังจากมีการรวมตัวกันของประชาคมอาเซียน หรือเออีซีภายในสิ้นปีนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่า มิตซุย รวมถึงพันธมิตร มืออาชีพของเรา คือ SSIA และไทคอน จะสามารถผลักดันให้ SLP กลายเป็นผู้นำด้านการพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียในอนาคต”