กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
แกเลอเรีย คูย์อัน (Galerie Quynh) มีความยินดีนำเสนอการแสดงผลงานศิลป์ที่มีชื่อว่า ‘Carne Vale’โดยศิลปิน นาแดช ดาวิท (Nadège David) และศิลปิน ซองดรีน ลูเก้ (Sandrine Llouquet) โดยภายในงานจะจัดแสดงภาพวาด ประติมากรรมและการจัดวาง อันสะท้อนถึงการรับรู้มิติแห่งบทกวีจากมุมมองของมนุษย์ ก่อให้เกิดความฉงนสนเท่ห์แต่ในขณะเดียวกันก็เสมือนภาพฝันที่น่าคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด
Carne Vale แปลจากรากศัพท์ภาษาลาติน ว่า “การอำลาจากเนื้อหนัง” การอำลาจากเนื้อหนังมังสาและความเป็นรูปธรรมของมนุษย์ ศิลปินทั้งสองยังอ้างอิงคำว่า ‘Carne Vale’ ว่าเป็น ‘Carnival’ (งานคาร์นิวัล) หรือเทศกาลการแต่งกายโดยมีจุดเริ่มต้นมาจากศาสนา (งานที่ผู้คนสวมใส่หน้ากาก) งานเทศกาลจะเกิดขึ้นก่อนเทศกาลการถือศีลบวช โดยระหว่างการถือศีลจะไม่มีการบริโภคเนื้อสัตว์ เปรียบเสมือนสมุดไดอารี่ที่แสดงถึงความตึงเครียดระหว่างมนุษย์และธรรมชาติและพิธีกรรมอันลึกลับดังจินตนาการ งานแสดงผลงานศิลป์ในครั้งนี้จึงหยั่งลึกลงไปถึงแก่นแท้ในการดำรงอยู่ของมนุษย์
นาแดช ดาวิท เน้นถึงแสดงถึงความวิตกและความตึงเครียดจาก ‘คนอื่นๆ’ ‘ที่อื่น ๆ’ - ซึ่งก็คือความ ‘ไม่รู้’ ในระหว่างงานคาร์นิวัลเมื่อเหล่าผู้คนหลีกเล้นจากความเป็นจริง ก้าวข้ามตัวตนพร้อมปกปิดตัวเองภายใต้หน้ากากและชุดแต่งกาย เมื่อปกปิดและเปลี่ยนแปลงตัวตน ดาวิท ได้เผชิญหน้ากับวิธีการวาดภาพที่ถ่ายทอดพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของพิธีกรรมดังกล่าวลงสู่ผืนกระดาษ เทคนิคการตวัดลายหมึกให้มีความคดเคี้ยวค่อยๆเผยถึงรูปร่างต่างๆ และในทางกลับกันยังช่วยปกปิดสิ่งต่างๆ ซึ่งตัวงานค่อยๆ พัฒนาเสมือนการเข้าไปสำรวจสิ่งที่เราไม่รู้จักและยากที่จะเข้าใจ
ภาพที่คุ้นหน้าคุ้นตาตัดกับเงาอำพลาง ในผลงานชุด La Communauté des Sentiments (2014) แสดงถึง โฉมหน้าที่แท้จริงที่ค่อยๆลดน้อยถอยห่างลง ภาพใต้ลายเส้นหมึกจีนสีดำ เป็นวิธีในการสร้างรูปร่างสิ่งมีชีวิตให้เห็นราวกับว่าอวัยวะภายในได้กลายเป็นสิ่งที่มองเห็นได้
ความมืดมิดแห่งดินแดนที่ไม่คุ้นเคยและไม่มีอยู่ในแผนที่ที่ดูเหมือนจะปกคลุมไปทั่วจนกระทั่งกลืนกินร่องรอยแห่งความเป็นอยู่ทางกายภาพต่างๆของเรา ดาวิท จึงได้รังสรรค์รูปร่างให้แก “การอำลาจากเนื้อหนัง” ซึ่งตั้งอยู่ของมนุษย์ ได้ถูกแทนที่โดยสิ่งที่เหลืออยู่คือ นิวเคลียสของแก่นแท้ที่มองไม่เห็นและความเป็นสัตว์ป่าในตัวเราตามธรรมชาติของชีวิต
ซองดรีน ลูเก้ได้สร้าง ตัวตนที่ผสานความเชื่อ หลอมรวมสิ่งที่ขัดแย้ง จากการอ่านและศึกษาเชิงลึกต่างๆ ด้านปรัชญากรีกโบราณ และงานของฟูโก (Foucault) งานของนีทเชอ (Nietzsche) งานเดอเลอซ์(Deleuze) และงานของยุง(Jung) และสำรวจการเล่นแร่แปรธาตุผ่านการศึกษาด้านศาสนาและพิธีกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในลัทธิเพกัน (Paganism) และ คติวิญญาณนิยม (Animism)ผลงานของเธอคือการผสมผสานความลึกลับและความคุ้นเคย ผลงาน Freud's Das Unheimliche รังสรรค์จากรูปที่คุ้นตาจากหลากหลายที่มาก่อเกิดเป็นภาพดั่งในความฝัน
ลูเก้ ได้สำรวจถึงการเปลี่ยนแปลงในพิธีกรรมและการเล่นแร่แปรธาตุแห่งความเป็นจริง ซึ่งประกอบด้วย ภาพที่เป็นเนื้อหาอยู่ในจิตใจที่ผู้คนทั่วไปไม่สามารถสัมผัสได้ยามตื่น (archetypal imagery) เคียงคู่ไปกับองค์ประกอบที่เป็นที่รู้จักกับสภาพแวดล้อมที่แปลกและน่าขนลุก ลูเก้สวมหัวโขนเสมือนเป็นนักจิตวิทยา นักสะกดจิตหรือผู้เชี่ยวชาญช่วยกระตุ้นปลุกหลืบลึกที่สุดของความทรงจำที่หลับไหลอยู่ ภาพวาดในรูปร่างของจักรวาลที่ตั้งอยู่บนแกนให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว หรือการสร้างภาพโดยพิธีการทำนายหรือการเข้าฌานภวังค์ ทำให้เกิดตัวละครที่เกิดขึ้นซ้ำๆในฉากต่างๆ ในรูปลักษณ์ที่ไม่ปรากฏหน้าตาภายใต้หน้ากากมีลักษณะครึ่งสัตว์ โดยอ้างอิงถึงพิธีกรรมและวัฒนธรรมประเพณีที่มีอยู่มากมาย องค์ประกอบได้คายหยาดหยดแห่งความรู้ที่สูงส่งเกี่ยวกับความรู้ของโลกและที่อยู่ของเราในจักรวาลออกมา
ถึงแม้ว่าดาวิทและลูเก้ จะมีกระบวนการที่คิดตรงข้ามกันตั้งแต่การสร้างมโนภาพไปจนถึงหันเหความสนใจไปสู่เรื่องของการใช้ความคิด ปรัชญาต่าง ๆ และจากการศึกษาค้นคว้าและแนวความคิดไปจนถึงการสร้างภาพตามลำดับ แต่ศิลปินทั้งสองมีส่วนเหมือนกันด้านความคิดด้านการเปลี่ยนแปลง การแปลงสภาพ และการก้าวข้ามผ่านสภาพทางกายภาพของมนุษย์ ก่อกำเนิดมิติคู่ขนานประดิษฐ์ต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์