กรุงเทพ--8 ก.ค.--การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า ยังมีผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ อันเนื่องจาก ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะของ กฟผ.นั้น ขอชี้แจงว่า กฟผ. ได้ดำเนินการแก้ไขผลกระทบความเดือดร้อน จากการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง สำหรับเรื่องการอพยพราษฎร ขณะนี้รอผลการศึกษาผลกระทบจากคณะกรรมการกลางซึ่งจะทราบผลภายในเดือนกันยายนนี้
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2541 นายวิทยา คชรักษ์ ผู้จัดการใหญ่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า 2 กฟผ. เปิดเผยว่า จากรายงานสถานีตรวจอากาศ 13 แห่ง ได้แก่ สถานีในบริเวณโรงไฟฟ้า 3 แห่ง คือสถานีหลักสถานีห้วยคิง, สถานีกอออ และสถานีในพื้นที่โดยรอบอำเภอแม่เมาะ พบว่า ปริมาณก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เฉลี่ย 1 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมง ในเดือนมกราคม-มีนาคม 2541 ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานี อย่างไรก็ตาม ไม่พบผลกระทบเฉียบพลันรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนและนักเรียนในอำเภอแม่เมาะ ในส่วนของกองการแพทย์และอนามัย กฟผ. แม่เมาะ ได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อดูแลสุขภาพราษฎรอย่างใกล้ชิด ยังไม่พบจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจในปริมาณที่สูงผิดปกติแต่อย่างใด
นอกจากนี้ นายแพทย์ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ รองผู้อำนวยการภาคสนาม โครงการดังกล่าว เปิดเผยว่าสถานการณ์โรคระบบทางเดินหายใจที่อำเภอแม่เมาะ ไม่พบปัญหาสุขภาพที่รุนแรงในอำเภอแม่เมาะเพิ่มขึ้นจากปี 2535 และมีอัตราการป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจน้อยกวาอำเภออื่น ๆ ในจังหวัดลำปาง
สำหรับเรื่องการอพยพราษฎร ผู้จัดการใหญ่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า 2 กฟผ. กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ได้มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการขยายเหมืองแม่เมาะ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางเป็นประธาน ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการกลาง ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม, กรมอนามัย กรมวิชาการเกษตร, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, กรมควบคุมมลพิษ, กฟผ. แม่เมาะและผู้แทนราษฎรในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องหมู่บ้านละ 1 คน ศึกษาผลกระทบว่าสมควรจะโยกย้ายราษฎรหรือไม่ ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายในเดือนกันยายนนี้ โดยนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเพื่อที่จะพิจารณาสรุปข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป--จบ--