กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--mix and match communications
หาก “วิถีไทย” ถูกตีกรอบไว้ด้วยยุคสมัย และกาลเวลา คงไม่แปลกที่ปัจจุบัน วิถีความเป็นไทย การนุ่งผ้าซิ่น ห่มสไบ แกะสลัก ร้อยมาลัย ร้องรำประกอบจังหวะเพลงบรรเลงจากวงมโหรีต่างๆ เหล่านี้ จะถูกแทนที่ไปด้วยวัฒนธรรมตะวันตก และจะค่อยๆ เลือนหายไป คงเป็นที่น่าเสียดาย หากในอนาคตมรดกล้ำค่าทางวัฒนธรรมเหล่านี้จะกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าผ่านคำพูด หรือเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ แต่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ ดังนั้น บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK จึงไม่รอช้าพาน้องๆ หนูๆ ในโครงการ “ชวนชื่น” และ “สิรีนเฮาส์” ในแต่ละโครงการทั่วกรุงฯ กว่า 70 คน ยกขบวนมุ่งหน้ามาสัมผัสวิถีแบบไทย ผ่านกิจกรรมสนุกสนานไทยแท้แบบดั้งเดิมในห้องเรียนจำลองขนาดใหญ่ ที่ยกเอาวิถีไทยต่างๆ มารวบรวมไว้ในที่เดียว โดยน้องๆ จะได้ “เรียนรู้ สนุกเล่น” ใน โครงการ MK Sunday Together ครั้งที่ 17 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สืบสานวิถีไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร Discover Thainess” ณ สามพราน ริเวอร์ไซด์ อ.สามพราน จ.นครปฐม
โครงการ MK Sunday Together ในครั้งที่ 17 นี้เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้เรียนรู้ สัมผัส และค้นพบความเป็นไทยด้วยตัวเอง ผ่านฐานความรู้การกินอยู่ในแบบวิถีไทยทั้ง 12 ฐาน ทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการสาธิตงานฝีมือ เช่น การละเล่นลาวกระทบไม้ วิถีชาวนาไทยจากเริ่มต้นจนเป็นเมล็ดข้าว สาธิตร้อยพวงมาลัย การปั้นหม้อ ทำขนมไทย ฝึกศิลปะป้องกันตัว ทั้งมวยไทยและกระบี่กระบอง การทำลูกประคบจากสมุนไพรไทย สาธิตการทอผ้าและกระบวนการผลิตผ้าไหม บรรเลงดนตรีไทย รำไทย และการแต่งแต้มสีสันบนร่มกระดาษ โดยงานนี้น้องๆ ได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติกันอย่างตั้งใจและมีสมาธิกับทุกกิจกรรม ซึ่งนอกจากจะได้รับความรู้แล้ว แต่ละกิจกรรมยังอัดแน่นไปด้วยความสนุกสนานตลอดหนึ่งวันเต็มอีกด้วย
ลองมาฟังความรู้สึกจากเหล่าเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมกันดีกว่า สาวน้อยวัยใส “น้องเฟรซ” เด็กหญิงวริศรา แวววรวิทย์ อายุ 11 ขวบ กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 6 โรงเรียนสาธิตเกษตรบางเขน อาสามาเล่าถึงความประทับใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของไทย ว่า
“วิถีชีวิตแบบนี้หนูว่าเราหาดูได้ยาก หลายๆ อย่างที่หนูไม่เคยเห็น และก็มีอีกหลายอย่างที่หนูเคยเห็นผ่านหนังสือ สารคดีต่างๆ แต่วันนี้ได้มาเรียนรู้ ได้มาสัมผัสจริงๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นมากค่ะ ฐานการเรียนรู้ที่หนูชอบมากที่สุดก็คือ การร้อยมาลัยค่ะ มันเป็นเรื่องแปลกที่ดอกไม้หลากหลายชนิด จะมาอยู่รวมกันเป็นพวงอย่างสวยงาม เป็นงานที่ละเอียด ฝึกให้เราใจเย็น มีสมาธิ ได้รู้จักพันธุ์ไม้ต่าง ๆ เป็นงานประดิดประดอย ที่สร้างสรรค์มาจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังแสดงออกในทางที่ดี เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาด้วย เพราะคนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธและใช้พวงมาลัยเป็นสัญลักษณ์ในการบูชาพระ หนูอยากให้เพื่อนๆ ได้มาสัมผัสวิถีไทย ช่วยกันอนุรักษ์ความงดงามในความเป็นไทยเหล่านี้อยู่คู่กับสังคมไทย และถ่ายทอดออกไปสู่ชาวต่างชาติได้ด้วยความภาคภูมิใจค่ะ“ น้องเฟรซ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทางด้าน “น้องแพรว” เด็กหญิงณัฏฐา อัครวุฒิพูนสิน อายุ 13 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของศิลปะแม่ไม้มวยไทย กล่าวว่า
“วัฒนธรรมไทยเป็นสิ่งที่หนูเชื่อว่า คนไทยทุกคนมีความภาคภูมิใจ เพราะเป็นสิ่งที่สืบทอดต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งวัฒนธรรมแต่ละอย่างก็ล้วนแต่มีเสน่ห์ของตัวเอง ศิลปะแม่ไม้มวยไทยก็เช่นกัน เพราะนอกจากจะเป็นศิลปะป้องกันตัวที่คนไทยภาคภูมิใจ สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยแล้ว ชาวต่างชาติที่ได้เห็นและสัมผัสต่างชื่นชมยอมรับ และหันมาฝึกฝน เรียนรู้ในศิลปะป้องกันตัวอย่างมวยไทยกันมากมาย เพราะนอกจากจะเป็นการป้องกันตัว และมีเสน่ห์ในด้านท่วงท่าและลีลาที่สวยงามแล้ว มวยไทย ยังเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวอย่างแข็งแรงครบทุกส่วน ช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ต่างชาติยังชื่นชมขนาดนี้แล้ว เราเองซึ่งเป็นคนไทยควรจะช่วยกันอนุรักษ์ให้คงอยู่คู่กับวิถีไทยไปนานๆคะ” น้องแพรว กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ปิดท้ายกันที่หนุ่มเชื้อชาติจีนอย่าง “น้องไข่เจียว” เด็กชายหยู่หาน อู๋ อายุ 14 ปี กำลังศึกษาอยู่เกรด 9 หรือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบอน ซึ่งถึงแม้จะเป็นหนุ่มน้อยเชื้อชาติจีนแต่ก็มีความชื่นชอบและรักในความเป็นไทยไม่แพ้กัน
“ผมเป็นลูกคนจีนแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ครับ มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยกับครอบครัวตั้งแต่ตอน 3 ขวบ ผมชอบวัฒนธรรมไทย ภาษาไทย อาหารไทย และรักทุกอย่างที่เป็นไทย ครอบครัวผมให้ผมศึกษาภาษาไทยและปลูกฝั่งความเป็นไทยมาตั้งแต่เด็ก จนทำให้ผมสามารถพูด อ่าน เขียน เรียนรู้ความเป็นไทย และรักความเป็นไทยไม่แพ้คนเชื้อชาติไทยเลยครับ วิถีไทย ที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ อาหารไทยครับ เมนูโปรดก็คือ ไข่เจียวและต้มยำ รสชาติเผ็ดๆ เปรี้ยวๆ อร่อยมากครับ วิธีทำและวัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาทำอาหารไทยทั้งคาวและหวาน ค่อนข้างพิถีพิถันและอิงกับธรรมชาติ อย่างวันนี้ผมได้มีโอกาสขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายเพื่อคั้นเป็นน้ำกะทิ ไว้สำหรับทำขนมกล้วย ซึ่งเป็นขนมไทยชนิดหนึ่ง รู้สึกตื่นเต้นมากเพราะปกติจะเห็นแต่กะทิสำเร็จรูปเป็นกล่อง ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ที่ผมคิดว่า เสน่ห์และรสชาติของอาหารไทยมีเอกลักษณ์มากๆ รวมไปถึงวัฒนธรรมความเป็นไทยในหลายๆ ด้าน ซึ่งผมมองว่าเป็นทั้งเอกลักษณ์ มรดก และเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ควรแก่การอนุรักษ์และสืบทอดไว้ ชาวต่างชาติทั้งในเอเชีย ยุโรป และนานาประเทศ ต่างชื่นชอบ และอิจฉาคนไทยที่มีความพร้อมทั้งวัตถุดิบ ภูมิปัญญา ยิ่งใกล้การก้าวเข้าสู่อาเซียนแบบนี้ ผมอยากเชิญชวนพวกเราทุกคนควรช่วยกันผลักดัน และถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยให้ก้าวไกลไปสู่นานาประเทศครับ” น้องไข่เจียว กล่าวทิ้งท้าย ตลอดระยะเวลาหนึ่งวันที่เด็กๆ ได้ร่วมสัมผัสและเรียนรู้รากเหง้าวิถีไทยโบราณด้วยตนเองอย่างสนุกสนาน และเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร ทั้งได้ทดลองลงมือทำด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำขนมไทย การปั้นดิน ทอผ้าสาวไหม การทำนา ฯลฯ เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ถึงแม้จะไม่ได้มีโอกาสพบเจอในสังคมเมืองยุคปัจจุบันมากนัก แต่อย่างน้อยเขาเหล่านั้นก็ได้เรียนรู้ถึงที่มาและคุณค่าที่น่าภาคภูมิใจ สามารถเดินตามรอย และสืบสาน “วิถีแห่งความเป็นไทย” ให้ดำรงไว้ อยู่คู่กับคนไทยและแผ่นดินไทยตลอดไป