กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
เศรษฐกิจหดตัว ธุรกิจเอสเอ็มอีกระทบหนัก กสิกรไทยโดดอุ้มจัดมาตรการด่วน ช่วยลดภาระให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ออกมาตรการพักชำระเงินต้น 12 เดือน หรือลดดอกเบี้ย หวังช่วยเอสเอ็มอีฝ่าวิกฤต
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องเผชิญกับปัญหาในการทำธุรกิจมาโดยตลอด ตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วม ปัญหาทางการเมือง ค่าแรงงานขั้นต่ำและค่าเงินบาท โดยในปีนี้เศรษฐกิจดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ยังมาเจอกับปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ และหนี้ครัวเรือนที่ทำให้กำลังซื้อในประเทศหดตัว ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีรายได้ลดลง ที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระลูกค้าและให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยรูปแบบการช่วยเหลือขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผลกระทบที่ลูกค้าได้รับ ซึ่งธนาคารให้ความช่วยเหลือทั้งการพักชำระเงินต้นและลดดอกเบี้ย
ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบไปแล้ว 10,115 ราย คิดเป็นยอดวงเงินสินเชื่อ 52,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเข้าไปช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่ลูกค้าจะผิดนัดชำระ โดยมีทั้งลดดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งธนาคารได้พิจารณาลดดอกเบี้ยอย่างเต็มที่สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบหนักเพื่อให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจได้ และการพักชำระเงินต้นได้นานสูงสุด 12 เดือน นอกจากนี้ธนาคารยังสนับสนุนเงินทุนให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องการลงทุนเพิ่มหรือเพิ่มสภาพคล่อง โดยในไตรมาสแรกธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อเพิ่มจำนวน 64,000 ล้านบาท ซึ่งขยายตัวกว่า 40% จากไตรมาสสี่ปีที่แล้ว และคาดว่าในไตรมาสสองนี้ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อเพิ่มได้เท่ากับไตรมาสแรก
ธนาคารกสิกรไทย มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกวิกฤตเพื่อให้ธุรกิจเติบโตและอยู่รอดได้ ดังนั้น ธนาคารจึงได้ขยายระยะเวลาของมาตรการช่วยเหลือในช่วงเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวออกไปจนถึง 31 ตุลาคม 2558