กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--สถานีโทรทัศน์ช่อง 8
กลายเป็นอดีตนักมวยคนดังอีกคนที่ออกมาเปิดเผยชีวิตสุดรันทดตอนนี้ของตัวเองสำหรับ “นภา เกียรติวันชัย” อดีตมวยแชมป์โลก รุ่นสตรอเวท ของสภามวยโลก WBC ที่เคยมีเงินแปดล้านบาทแต่กลับใช้จ่ายแบบไม่รู้จักเก็บจนหมดภายใน 3 ปีจนทุกวันนี้ต้องออกตะเวนร้องเพลงเพื่อหาเงินวันละ 100 บาทเพื่อมาเป็นค่ายารักษาตัวกับอาการเบลอทางสมองและดวงตาที่พร่ามัว ซึ่งล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. นภา เกียรติวันชัย หรือนายสุวิทย์ แซ่ตั้ง อดีตมวยแชมป์โลกได้มาเปิดเผยชีวิตแบบหมดเปลือกในรายการ ปากโป้ง ที่มี 2 พิธีกร หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย และ หนิง-ปณิตา ธรรมวัฒนะ รับหน้าที่เป็นพิธีกรว่า
“เริ่มรู้จักการต่อยมวยเพราะที่บ้านปลูกฝังให้ชอบกีฬามวย โดยในจำนวนพี่น้อง 8 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 1 คน ทั้ง 7 คนถูกฝึกให้เป็นนักมวยไทยทั้งหมด พออายุ 14 ปี ก็เริ่มเข้าสู่วงการมวยแบบจริงจัง เริ่มชกครั้งแรกได้ค่าตัว 50 บาท ชีวิตนักมวยเริ่มต้นจากเงิน 50 บาท ต่อยแถวบ้านเกิด แล้วก็ไปตะเวนต่อยร่วม 200 กว่าไฟต์ จนเริ่มมีชื่อเสียงในจังหวัดโคราช จึงเข้ามาเอาดีในกรุงเทพ และเมื่อก่อนที่ได้เงินตอนชกมวยเกือบครึ่งแสน มันเป็นบางไฟล์ครับ มวยไทยกับมวยสากลไม่เหมือนกัน มวยสากลจะจ้างเราไปต่อย มวยไทยค่าตัวสูงสุดแค่ปี 2527 – 2528 สูงสุดได้แค่สี่หมื่นห้า ถ้าเปรียบสมัยนี้ได้เป็นแสน แต่ไม่รู้จังหวะเรา เราโดนชกคางหักเลยเลิก ปี2528 นะ โดนชกคางหัก เลยหันมาชกสากล จนมาเป็นแชมป์โลก ไฟล์ที่ 4 ได้เป็นแชมป์โลก พอไฟล์ที่ 5 ได้ไปชิงแชมป์ที่ญี่ปุ่น พอเป็นแชมป์โลกได้เงินเป็นบางไฟล์ คือไฟล์นี้แสนหนึ่ง แล้วเงินรางวัลอัดฉีด ไม่เคยได้เลย มีคนอัดฉีดแต่ไม่เคยได้เลย มีคนอัดฉีดแต่เราไม่ได้ เพราะไฟล์สมัยนั้น ยังไม่มีคนโปรโมตเลย มีโปรโมตตอนเขาทราย ไม่ได้เพราะ ต่อยเกาหลีใครชนะได้ทอง 90 บาท นภาถ้าชนะกลับมาได้ทอง 90บาท แต่นี่เราแพ้ กลับมาได้ 5 บาท”
“ผมรักษาเข็มขัดแชมป์โลกได้ปีกว่า ๆ หลังจากนั้นก็เสียแชมป์ไป แล้วก็กลับมาชิงใหม่แต่ก็ไม่ได้ ชีวิตหลังจากนั้น ก็กลับมาซ้อมใหม่ข้ามรุ่นไป 108 ปอนด์ แต่แพ้ ตอนสมัยที่มีเงิน ตอนเป็นนักมวย ก็มีรายได้หลักล้าน พอได้มาก็ช่วยเหลือทางบ้าน ให้น้องเรียน สมัยก่อนเงินมันดี เราใช้จ่ายเยอะ ไปนู่นไปนี่ กินนั่นกินนี่ เมื่อก่อนไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น เลยใช้อย่างเดียว บทเรียนครั้งนี้มันสอนเราว่า เราใช้เงินฟุ่มเฟือย ครั้งนึงเคยมีเงินถึงแปดล้านบาท เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ใช้เงิน 8 ล้านในเวลา 3 ปีหมด เอาไปใช้ช่วยเหลือทางบ้าน เที่ยว ให้ผู้หญิง ก็เลยหมด เมื่อก่อนพอมีเงิน เพื่อนฝูงก็มากมาย เวลาเรามีเงินเขามาหาเรา เวลาเราหมด เราไปหาเขา เขาไม่สนใจอะไรกับเราเลย”
อดีตนักชกคนดัง กล่าวต่อว่า “หลังจากที่ได้เป็นแชมป์โลก เสียแชมป์โลกไปแล้วก็ถือว่าสร้างชื่อเป็นแชมป์โลกคนหนึ่งเหมือนกัน แต่สุดท้ายมีอาการบาดเจ็บเกี่ยวกับดวงตา สายตาเนี่ยเสีย แต่ไม่ถึงกับมองไม่เห็น แต่พร่าหมดเลย แต่ไม่มีเงินรักษา ไม่มีคนเข้ามาช่วยซับพอร์ตตรงนี้เลย แต่ของพวก กกท. เข้ามาช่วยเดือนละ 3 พัน แต่ของ WBC ที่เราเป็นแชมป์ เขาไม่ได้มาช่วย ทางเขาก็ทราบ เราก็ประกาศทุกอย่างทางนสพ. ว่าประสาททางสายตาของเราเสีย มองไม่ค่อยเห็น ถ้าไม่ได้เสียเราก็ยังต่อยมวย ทุกวันนี้อาการคือต้องใส่แว่น ถอดไม่ได้ มัวบวมมันมัว มองไม่ชัด เบลอไปหมด เป็นภาพซ้อน ลักษณะคล้าย ๆ สายตาเอียง แล้วปราสาทตานี่เสียไปเลย คือมันจะมองแบบมัวไปหมดเลย มืด เหมือนโดนชก ปราสาทตาที่เสียไปตั้งแต่ปี 2534 หมอบอกมันโดนชกกระทบกระเทือนไปถึงประสาทตา มันเลยมัว มองไม่ชัด ก็เลยต้องเลิกชก เพราะขืนถ้าชกไปตาบอดแน่นอน”
“มันเป็นตอนที่ชกที่อเมริกา (ที่ข้ามรุ่นไป 108 ปอนด์) ตอนแรกสายตาปกติดีทุกอย่าง พอไฟล์นั้นผมโดนน็อคยก 2 ลงไปนอนหลับ พอลืมตาขึ้นมาอีกที จากตาดี ๆ ก่อนชก กลายเป็นเบลอไปหมดเลย แล้วก็เบลอมาตลอด เราก็บอกหัวหน้าแล้วว่าเราต้องเลิกชก เพราะมองไม่เห็น ตอนนั้นใจเสีย เขาต่อยโดนปลางคาง แต่มันโดนจุดประสาท หลังจากเหตุการณ์นั้นจนถึงวันนี้การรักษาก็ไปหาหมอ กินยา กินยาอย่างเดียว เพราะเราไม่มีเงินเป็นก้อนที่จะไปยิงเลเซอร์ อาการที่หมอบอกคือ มันไม่หายแล้ว แต่ต้องกินยาไม่ให้มันเบลอ บำรุงปราสาทตา วิธีในการผ่าตัดมันมี เพียงแต่เราไม่มีเงินไปรักษาตรงนั้น ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ตั้งแต่ปี 2535-2536 ตั้งแต่ตาสียมา ก็ใช้วิธีกินยา ตามมีตามเกิดที่มี ถ้ามีเงินก็ไปซื้อ ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ได้ไป”
นภา กล่าวเสริมต่อว่า “หลังจากที่เลิกเป็นนักมวย ก็ไม่รู้จะทำงานอะไร ก็หันมาร้องเพลง ไปร้องหลายที่ ค่าจ้างวันละ 300 ร้องหลายเพลง ที่อื่น ๆ ก็เหมือน ๆ กัน ทุกวันนี้ก็เปลี่ยนมาร้องแถวโรงงานอีสาน รายได้ต่อเดือนไม่ถึงหมื่น เพราะว่าค่าจ้างเราเขาให้วันละหนึ่งร้อยบาท ผมมีครอบครัวแล้ว และแยกทางกัน ทุกวันนี้มันเหมือนเงินเดือนเรา ที่เขาให้เราวันละร้อยนึง ต้องไปก่อนสองทุ่ม เราต้องไปก่อนสองทุ่ม ถ้าไปเลยสองทุ่มนี้ไม่ได้เงินละ เขาจ่ายเป็นรายวัน วันละ 100 บาท ต้องไปทุกวัน ไปก่อนสองทุ่ม เพื่อให้ได้เงินหนึ่งร้อยบาทในหนึ่งวันนั้น บางวันเราก็ไม่ได้ไป ทุกวันนี้มีแฟน ทำอาชีพตัดเย็บผ้า ค่ารักษาตัว ต้องหาเงินซื้อยาเดือนละ2500 ไม่ได้กินยามา 2-3 เดือนแล้ว เพราะไม่มีเงินซื้อยา”
“ชีวิตตอนนี้ก็ร้องเพลงไป หาเงินซื้อยา รักษาดวงตาไป ถ้ามีเงินก็ไปหาหมอเอายามารักษา เรื่องที่จะไปผ่าตัดนั้นก็ไม่ได้คิดเลย ไม่มีเงินรักษา บัตร 30 บาทก็ไม่มี ไม่เคยทำเลย เพราะเราไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ก็อยู่ค่ายมวยตลอด เลยไม่ได้รู้เรื่อง 30 บาทเลย อาการทางดวงตา ตอนนี้ไม่ได้ทานยามาสองเดือนกว่าแล้ว ไม่มีเงิน พูด ๆ อะไรอยู่ก็จะลืม ๆ สมองจะเบลอ ๆ ถอดแว่นก็จะมองไม่ค่อยเห็น จะเห็นภาพซ้อนขึ้นมา ถือว่าเป็นบทเรียนของชีวิตที่เราต้องจดจำไว้ ดังนั้นเลยอยากฝากถึงรุ่นน้องที่เป็นนักมวย เวลาชกมวยก็ขอให้เก็บเงิน อย่าไปใช้เงินเหมือนผม อยากให้เก็บ ถึงยังไงผมก็จะสู้ต่อไป เพราะมือเท้ายังมีแรง เคยกินข้าวกับน้ำปลามาแล้ว ไม่เคยคิดสั้น ถึงแม่ดวงตาจะบอด ไม่มีเงินรักษาก็ไม่เคยคิดสั้น”