LIT เร่งเครื่องปล่อยกู้ภาคเอกชน ดันสัดส่วนเพิ่มเป็น 30% ตอกย้ำ“ลีซ อิท” ไม่ใช่ “ลีซ ไอที” ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าครบวงจร มั่นใจปี”58 รายได้-โตไม่ต่ำกว่า 30% ยอดหนี้คงเหลือทะลุ 1.1 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 28, 2015 11:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--IR network บมจ.ลีซ อิท (LIT) เร่งปล่อยสินเชื่อภาคเอกชน หลังพบดีมานด์ในตลาดเพียบ! ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 30%จากเดิมอยู่ที่ 20% ของสินเชื่อรวม ด้านผู้บริหาร “สมพล เอกธีรจิตต์”ระบุ “ลีซ อิท” ไม่ใช่ “ลีซ ไอที” พร้อมให้บริการสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีครบวงจรด้วยสโลแกน อนุมัติเร็ว ให้วงเงินสูงและไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน มั่นใจแนวโน้มรายได้-กำไรปี”58 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดปล่อยกู้ทะยานแตะ1.1 พันล้านบาท มั่นใจคุมเอ็นพีแอลอยู่หมัด ไม่เกิน 2% ของพอร์ตสินเชื่อรวม นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) (LIT) เปิดเผยว่า การที่สถาบันการเงินคุมเข้มปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เนื่องจากกังวลปัญหาเศรษฐกิจ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายสินเชื่อแฟคตอริ่งของบริษัทในการขยายฐานลูกค้าในส่วนของภาคเอกชน โดยในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่บริษัทรุกตลาดภาคเอกชนเอย่างหนัก โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มเป็น 30% จากเดิมมีสัดส่วนเพียง 20% ของสินเชื่อรวมเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังคงเป็นสินเชื่อที่ปล่อยให้กับหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ “ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีสำหรับการขยายตลาดสู่ภาคเอกชนขนาดใหญ่ เพราะตลาดยังมีช่องว่างให้เข้าไปเพิ่มฐานลูกค้า อีกทั้งยังมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าเจาะตลาดใหม่ เพื่อปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อนอกเหนือจากสินค้าไอที เพราะ "ลีซ อิท " ไม่ใช่แค่ "ลีซ ไอที" แต่เราคือผู้ให้บริการสินเชื่อที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร”นายสมพลกล่าว นายสมพล กล่าวว่า เชื่อว่าในช่วงจากนี้ไปการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เป็นคู่ค้าภาครัฐ มีความต้องการสินเชื่อแฟคตอริ่งมากขึ้น และเข้ามาติดต่อขอรับสินเชื่อกับบริษัท เนื่องจากมีจุดแข็งในการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี อนุมัติเงินกู้ให้ลูกค้าได้รวดเร็ว ให้วงเงินสูง และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับการบริหารความเสี่ยง นายสมพล กล่าวว่า LIT มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ และมีการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถสกรีนลูกค้าที่มีศักยภาพ ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ในระดับต่ำกว่า 2% เท่านั้น เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ที่ 3-4% ของสินเชื่อรวม และบริษัทจะรักษาระดับเอ็นพีแอลไม่ให้เกิน 2% นายสมพล กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่ายอดหนี้สินเชื่อคงเหลือน่าจะแตะที่ระดับ 1,150 ล้านบาท และบริษัทได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยเตรียมออกหุ้นกู้ในวงเงินประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมของเวลาเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกที่สุด และการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ต้นปี โดยดอกเบี้ยอาร์พีลดจาก 2% เหลือ 1.50% จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลดลง ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/58 มีรายได้รวม 42.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 27.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 9.10 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลเร่งหน่วยงานภาครัฐใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ที่ยังค้างท่อ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ พอร์ตสินเชื่อรวมในไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 912.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากสิ้นปีที่ผ่านมามีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 859.04 ล้านบาท และแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่ารายได้และกำไรของบริษัทในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ตามแผนที่วางไว้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ