กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--เค พลัส พีอาร์
CHOW GROUP เดินหน้าขยายฐานธุรกิจพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ ล่าสุดหันลุย Solar Rooftop ในประเทศ หลังพบตลาดมีศักยภาพ ภาครัฐให้การสนับสนุน ประเดิมโครงการแรกขนาด 23.66 kW ร้านอาหารชายทะเลบางพระ ใน Chill Chill Community Mall “อนาวิล จิรธรรมศิริ” CEO เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ เผย พร้อมพัฒนาธุรกิจในรูปแบบ เทิร์นคีย์ ให้กับลูกค้าทั้งขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (CE) บริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจพลังงาน ในเครือบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ขยายฐานธุรกิจพลังงานทดแทนเข้าสู่กลุ่ม Solar Rooftop ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากที่มุ่งขยาย Solar Farm ในประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมเป็นอย่างดีสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจรทั้ง Solar Rooftop และ Solar Farm ประกอบกับรัฐบาลให้การสนับสนุนผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก [Very Small Power Producer: VSPP) อย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นโอกาสที่ CE จะขยายเข้าสู่กลุ่ม Solar Rooftop อย่างเต็มตัว
“สำหรับตลาดในประเทศไทย กลุ่ม Solar Rooftop เราจะพัฒนาในลักษณะเทิร์นคีย์ (Turnkey-โครงการที่พัฒนาจนแล้วเสร็จในสภาพพร้อมใช้งานแล้วจึงส่งมอบแก่ผู้ซื้อ) ผ่านบริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด (PSCL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด โดยขณะนี้มีโครงการแรกที่ก่อสร้างและส่งมอบเรียบร้อยแล้วคือ โครงการ Solar Rooftop ของร้านอาหารชายทะเลบางพระ ใน Chill Chill Community Mall ลาดพร้าว 94 ขนาด 23.66 กิโลวัตต์ (kW) ซึ่งถือว่าเป็นโครงการขนาดกลางที่ใช้สำหรับอาคารในเชิงพาณิชย์”
นายอนาวิล กล่าวอีกว่า สำหรับการขยาย Solar Rooftop ในประเทศไทย จะทำครบวงจรทั้งโครงการขนาดเล็กสำหรับบ้านเรือนทั่วไป โครงการขนาดกลางสำหรับอาคารในเชิงพาณิชย์ หรือ อาคารสำนักงาน และโครงการขนาดใหญ่สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้ได้เซ็นสัญญาก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นในงานมือ (Backlog) แล้วประมาณ 250 kW ซึ่งจะส่งมอบได้ภายในปีนี้
ปัจจุบัน บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัดได้ลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว 58 เมกะวัตต์ เป็นโครงการที่ลงทุนด้วยตัวเองผ่านบริษัทย่อยจำนวน 18 เมกกะวัตต์ ลงทุนร่วมกันพันธมิตรจำนวน 40 เมกะวัตต์ และพัฒนาเพื่อจำหน่ายให้กับพันธมิตรทางธุรกิจอีก 87 เมกะวัตต์ และในปีนี้มีนโยบายจะขยายการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 จะเป็นปีที่บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด รับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานอย่างเต็มตัว