กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2,400 ล้านบาทของ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “A+” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ทดแทนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ใช้สำหรับโครงการลงทุนของบริษัท อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่มีโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ลักษณะธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแข่งขันได้ยาก ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ และการที่บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีรายได้ที่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากความต้องการเงินลงทุนที่สูงในการหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติม ตลอดจนผลกระทบที่คาดเดาได้ยากจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ และความเสี่ยงจากการมีกลุ่มลูกค้าที่ไม่หลากหลาย นอกจากนี้ กฎระเบียบเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ไม่ชัดเจนของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังเป็นประเด็นกังวลต่อความสามารถของบริษัทในการให้บริการที่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของบริษัท โดยทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะขยายธุรกิจโดยการเพิ่มภาระหนี้ด้วยความระมัดระวังและมีการติดตามตรวจสอบอย่างมีวินัย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยดำรงคุณภาพเครดิตของบริษัทเอาไว้ เมื่อพิจารณาปัจจัยเสี่ยงของบริษัท ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน อันดับเครดิตของบริษัทมีแนวโน้มที่ไม่เปลี่ยนแปลงในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่ทำให้เกิดภาระหนี้สูงขึ้นอย่างมากจะมีผลกระทบในเชิงลบต่อคุณภาพเครดิตของบริษัท
บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกก่อตั้งในปี 2535 ตามมติคณะรัฐมนตรีที่มอบหมายให้ภาคเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาและดำเนินการดูแลระบบท่อส่งน้ำดิบในพื้นที่ 7 จังหวัดชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ปัจจุบันบริษัทเน้นให้บริการน้ำดิบในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทราเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า และสังคมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการน้ำประปาในเขตพื้นที่บริการอีก 10 เขต โดยมีกำลังการผลิตรวม 308,460 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ณ เดือนพฤษภาคม 2558 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทประกอบด้วย การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 40.2% บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ถือ 18.7% Norbax Inc., 13 ถือ 6.8% และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ถือ 4.6% ในไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำดิบคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 69% และรายได้จากธุรกิจน้ำประปาคิดเป็น 24% ของรายได้รวม
พื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นผลมาจากการที่บริษัทเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ นับตั้งแต่การก่อตั้ง บริษัทเช่าและดำเนินการบริหารโครงการท่อส่งน้ำดิบจากกระทรวงการคลัง หลังจากนั้น บริษัทได้พัฒนาโครงข่ายการจ่ายน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายในทุกพื้นที่ที่ให้บริการ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีโครงข่ายท่อส่งน้ำที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสูบและบริหารจัดการน้ำดิบจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อจัดสรรให้แก่ลูกค้าในทุกพื้นที่ที่ให้บริการด้วย แม้ว่าการประกอบกิจการไม่ต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน แต่การมีโครงข่ายที่ครอบคลุมนั้นต้องใช้เงินลงทุนสูงและต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญในการเข้าสู่ธุรกิจประเภทนี้ ดังนั้น บริษัทจึงไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องของคู่แข่งทางตรงในธุรกิจน้ำดิบในอนาคตอันใกล้
การจัดหาแหล่งน้ำถือเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทได้รับการอนุมัติจากกรมชลประทานให้สูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำ 4 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังหาแหล่งน้ำใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และลดความเสี่ยงจากสภาวะภูมิอากาศที่ไม่แน่นอน ทั้งนี้ แหล่งน้ำใหม่ ๆ ที่จะนำมาใช้นั้นขึ้นอยู่กับการอนุมัติของกรมชลประทาน และมีแนวโน้มต้นทุนที่สูงขึ้นเนื่องจากอยู่ในระยะไกล
บริษัทยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการมีลูกค้ารายใหญ่เพียงไม่กี่รายเนื่องจากยอดขายน้ำให้แก่ กปภ. และ กนอ. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นและลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทมีสัดส่วนถึงประมาณ 65%-70% ของยอดขายรวมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และ กปภ. ยังสามารถต่อรองราคาน้ำดิบกับบริษัทและได้รับการลดราคาค่าน้ำดิบ โดยทั่วไปแล้ว ปัจจัยที่สนับสนุนความต้องการใช้น้ำดิบมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกรวมทั้งความต้องการที่สูงขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคซึ่งมีความผันแปรไปตามสภาพเศรษฐกิจ ปริมาณฝนที่หนาแน่นและการที่ลูกค้าบางรายสามารถหาแหล่งน้ำดิบได้โดยตรงส่งผลลบต่ออุปสงค์ในการใช้น้ำดิบ ในไตรมาสแรกของปี 2558 ภาวะการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลต่ออุปสงค์ของทั้งน้ำดิบและน้ำประปา บริษัทมียอดขายน้ำดิบรวม 69.1 ล้าน ลบ.ม. ในไตรมาสแรกของปี 2558 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.8% ขณะที่รายได้จากการขายน้ำดิบของบริษัทเพิ่มขึ้น 7.3% เป็น 741 ล้านบาท ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายน้ำดิบที่ต่ำกว่าปริมาณขายนั้นเกิดจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มผู้อุปโภคบริโภคที่มีราคาค่าน้ำต่ำกว่าผู้ใช้น้ำกลุ่มอื่น ๆ
ธุรกิจจำหน่ายน้ำประปาของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำประปารวม 19.5 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มขึ้น 10.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากธุรกิจน้ำประปาเพิ่มขึ้น 13% อยู่ที่ 256 ล้านบาท อย่างไรก็ดี แม้ธุรกิจให้บริการน้ำประปาจะมีอุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็มีโอกาสในการขยายตัวในอนาคตในระดับต่ำเนื่องจาก กปภ. ไม่มีนโยบายเปิดประมูลสัมปทานใหม่หรือให้เอกชนดำเนินการแทน ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาอัตราการเติบโตของบริษัทในธุรกิจนี้ บริษัทต้องหาโอกาสในการขยายธุรกิจน้ำประปาจากการหาสัมปทานกิจการประปาโดยตรงจากเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ รวมทั้งการให้บริการในพื้นที่ที่ยังไม่มีน้ำปะปาใช้
ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทมาจากผลการดำเนินงานที่ดีและการมีแหล่งรายได้ที่แน่นอน ในไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทมีรายได้ 1,079 ล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี หากไม่รวมรายได้ค่าก่อสร้างภายใต้สัญญาสัมปทาน รายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 14.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ระดับสูงกว่า 54% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งแม้จะมีภาระหนี้ที่สูงขึ้นมากจากการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการสูบส่งน้ำและการจัดหาน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต โดยโครงการหลัก คือ โครงการอ่างเก็บน้ำทับมาและโครงการท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มายังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ณ เดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6,184 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับดีที่ 40.93% บริษัทมีโครงการลงทุนรวมประมาณ 2,500 ล้านบาทในปี 2558 และ 1,300 ล้านบาทในปี 2559 โดยเงินลงทุนหลัก ๆ จะใช้ในโครงการอ่างเก็บน้ำทับมาและท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มายังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวจะอาศัยการก่อหนี้ ดั้งนั้นจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับ 40%-45% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ทดแทนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ใช้สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำทับมาและโครงการท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มายังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ซึ่งทำให้บริษัทมีต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลง
สภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแรงในระดับเครดิตของบริษัท ในไตรมาสแรกของปี 2558 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 28.61% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) และมีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย 10.83 เท่า ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีฐานะการเงินที่อ่อนตัวลงแต่ยังคงแข็งแรงในช่วงปี 2558-2560 ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง บริษัทจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรได้ไม่ต่ำกว่า 54% และคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ โดยจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 1,700 ล้านบาทต่อปีเพื่อให้เพียงพอต่อภาระผูกพันทางการเงินที่มีปีละ 800-1,000 ล้านบาทในปี 2559-2560 และการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอตามนโยบายบริษัท โดยฐานะการเงินของบริษัทคาดว่าจะกลับมาแข็งแกร่งหลังจากที่โครงการลงทุนต่าง ๆ แล้วเสร็จสมบูรณ์
บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EASTW)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2,400 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2568 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable