กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--บล.บัวหลวง
บล.บัวหลวง โบรกเกอร์หมายเลข 1 นำหุ้นสามัญจดทะเบียนจำนวน 180 ล้านหุ้น พร้อมเข้าเทรด 28 กุมภาพันธ์นี้ ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ในชื่อว่า “BLS” ผู้บริหารปลื้มราคาเปิดเหนือจอง 15.90 บาท
นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS โบรกเกอร์หมายเลข 1 ดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้ทำการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนในราคา 12 บาท ไปเมื่อวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น บัดนี้คณะกรรมการตลาด หลักทรัพย์ได้รับหุ้นสามัญของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 2 บาท มูลค่ารวม 360 ล้านบาท เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นต้นไป โดยจัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BLS” โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย และมีบริษัท ไอเอฟซีที แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
“บริษัทฯ จะนำเงินจำนวนประมาณ 330 ล้านบาท ที่ได้จากการกระจายหุ้นครั้งนี้ ไปขยายฐานธุรกิจ รวมทั้งรองรับธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ และการแปลงสภาพหุ้นกู้ที่ถือโดยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จะทำให้ทุนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มจาก 264 ล้านบาท เป็น 360 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินสำรองต่างๆ” นาย ญาณศักดิ์กล่าว
นายญาณศักดิ์กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีที่ผ่านว่า ในปี 2547 บริษัทมีรายได้รวม 989.35 ล้านบาท โดยรายได้หลักคือรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ จำนวน 834.25 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84.32 รองลงมาได้แก่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจากธุรกิจวาณิชธนกิจและการจัดการกองทุนส่วนบุคคลจำนวน 128.22 ล้าน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 13 ทั้งนี้ในปี 2547 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 154.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 1.23 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 2 บาท)
นายญาณศักดิ์กล่าวเสริมถึงการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ ว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2548 คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2547 (หลังจากหักเงินสำรองตามกฎหมาย) ในอัตราหุ้นละ 0.11 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นโดยมีจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วเท่ากับ 180 ล้านหุ้น คิดเป็นจ่ายเงินปันผลในอัตราร้อยละ 53 ของกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2547 (หลังจากหักเงินสำรองตามกฎหมาย) และกำหนดให้มีการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวในวันที่ 20 พฤษภาคม 2548 โดยจะปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2548 ทั้งนี้ โดยการจ่ายเงินปันผลนี้จะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
“เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2547 บริษัทได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานประจำงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท จากจำนวนหุ้นที่ออกและทุนชำระแล้วจำนวน 132 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 52.80 ล้านบาท ซึ่งรวมเป็นเงินปันผลที่จ่ายสำหรับผลการดำเนินการปี 2547 ทั้งสิ้น 72.6 ล้านบาท” นายญาณศักดิ์กล่าว
นายญาณศักดิ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ 3.3-3.4% สูงเป็นอันดับ 8 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 5% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยจะเน้นเพิ่มสัดส่วนลูกค้าสถาบัน และบริษัทฯ มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กว่า 16,000 บัญชี โดยประมาณครึ่งหนึ่งเป็นบัญชีที่มีการ เคลื่อนไหวต่อเนื่อง
นายญาณศักดิ์กล่าวถึงจุดเด่นของบริษัทฯ ว่า จากการที่ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีฐานเงินฝากอันดับ 1 ของประเทศเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ (56.3% หลังจากการขายหุ้น IPO) นับเป็นจุดแข็งที่จะช่วยในการสร้างฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในระยะยาวได้ เนื่องจากจะสามารถแนะนำลูกค้า มาสู่บล.บัวหลวงได้ในอนาคต นอกจากนี้บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่ลดลงจากการที่บริษัทจะหมดภาระในการชำระค่าสมาชิกให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งคิดเป็นจำนวน 10% ของรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในเดือนพฤษภาคมนี้
สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณปิยวรรณ อนันต์เวทยานนท์
ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์
โทร. 0-1944-1972--จบ--