กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--บลจ.กสิกรไทย
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 - วันที่ 31 มีนาคม 2558 ในอัตรา 0.16 บาทต่อหน่วย รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 51.2 ล้านบาท โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 9 มิถุนายน 2558 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 มิถุนายน 2558 นี้
กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 25 ไร่ บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักตั้งแต่ต้นปี – 31 มี.ค 2558 เฉลี่ยที่ 88.72% และมีผลการดำเนินงานในรอบไตรมาสแรกของปี 2558 อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยกองทุนมีรายได้ค่าเช่าในรอบผลดำเนินงาน 3 เดือนแรกอยู่ที่ 53.60 ล้านบาท ทั้งนี้นับว่ากองทุนมีการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ ซึ่งหากนับรวมการจ่ายปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุนมีการจ่ายปันผลมาแล้วรวม 23 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4.3072 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 7.10% ต่อปี
สำหรับสถานการณ์การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ นางสาวยุพาวดีกล่าวว่า “ธุรกิจประเภทโรงแรมและการท่องเที่ยวมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น โดยปัจจัยบวกมาจากภาคการท่องเที่ยวของไทยที่เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2557 ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 16.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556”
นอกจากนี้ ในปี 2558 รัฐบาลยังได้ตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี อยู่ที่จำนวน 28.5-29 ล้านคน โดยคาดการณ์การเติบโตที่ 15-17% จากปีก่อนหน้า ซึ่งปัจจัยสนันสนุนหลัก จะมาจากเรื่องความมีเสถียรภาพทางการเมืองที่มีส่วนเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา และแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐต่างๆ อาทิ โครงการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว มาตรการลดหย่อนภาษีจากการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงปลายปี 2558 ยังจะช่วยทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียนเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นด้วย
ด้านธุรกิจการท่องเที่ยวของสมุยในปี 2558 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่เกาะสมุยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ปัจจุบันมีการเพิ่มขึ้นของสายการบินเช่าเหมาลำจากจีนที่บินตรงมาท่องเที่ยวในภาคใต้มากขึ้น ขณะที่กรมการบินพลเรือน ปัจจุบันได้อนุญาตให้เพิ่มเที่ยวบินไปยังเกาะสมุยจากจำนวน 36 เที่ยว/วัน สูงสุดเป็น 50 เที่ยว/วัน นอกจากนี้การที่รัฐบาลได้มีนโยบายผลักดันเกาะสมุยให้กลายเป็นเขตองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษ ที่จะเน้นการจัดการด้านท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการนำเสนอร่าง พ.ร.บ. ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป เหล่านี้จะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ธุรกิจโรงแรมในเกาะสมุยมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น
นางสาวยุพาวดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในมุมมองของการจัดพอร์ตโฟลิโอ อสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินที่ผู้ลงทุนน่าจะมีไว้ เพราะมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และในภาวะปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่ลดลง ทำให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสสร้างกำไรจากการซื้อขายในตลาดอีกทางหนึ่งด้วย”
สำหรับกองทุน CTARAF เริ่มจัดตั้งกองทุนเมื่อปี พ.ศ.2551 และปัจจุบันมีสิทธิการเช่าคงเหลืออีกเป็นเวลาประมาณ 23 ปี โดยนับว่าเป็นอีกกองทุนหนึ่งที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และกองทุนยังสามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าได้อย่างสม่ำเสมอ โดยรายได้ต่อห้องพัก (REVPAR) ของโรงแรมโดยเฉลี่ยในปี 2557 อยู่ที่ 3,846.05 บาทต่อห้องต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ 3,365 บาทต่อห้องต่อวัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กองทุนกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสัญญาที่ได้ครบกำหนดอายุ และบลจ.กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการสรรหาผู้เช่าช่วงและผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพิ่มเติม โดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของกองทุนและนักลงทุนเป็นสำคัญ
ปัจจุบันราคาหลักทรัพย์ในตลาดรองของกองทุน CTARAF อยู่ที่ 3.86 บาท (ณ วันที่ 4 มิ.ย. 58) ซึ่งเกิดจากภาวะการซื้อขายในตลาดที่ทำให้ราคาลดลง ในขณะที่มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุน (ณ วันที่ 31 มี.ค. 58 ) ยังอยู่ที่ 9.1467 บาทต่อหน่วย (โดยก่อนหน้านี้กองทุนมีการลดทุนไปแล้ว 3 ครั้ง) ซึ่งสะท้อนมูลค่าและความสามารถในการสร้างรายได้ของอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนถืออยู่ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้มองว่าการปรับลดลงของราคาตลาดในช่วงนี้ จะเป็นโอกาสที่ผู้ลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนด้วยราคาต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนสม่ำเสมอ หรือซื้อขายหน่วยลงทุนเพื่อทำกำไรในระยะยาวได้ ส่วนผู้ลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนอยู่เดิม ยังแนะนำให้ถือหน่วยลงทุนต่อไป เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต พร้อมทั้งยังมีโอกาสได้รับเงินปันผลในอัตราที่ดีอย่างสม่ำเสมอด้วย
กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนดังกล่าว สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com