กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ทิสโก้แนะ “อินเดีย” น่าสนใจ ชี้หลากปัจจัยบวกหนุนเศรษฐกิจอินเดียฟื้นตัว ล่าสุด ธ.กลางอินเดียหั่นดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผนวกรัฐบาลโมดีเดินหน้าปฏิรูปประเทศเต็มสูบ คาดจะเป็นประเทศเดียวที่ GDP โตเกิน 7% ตลอด 5 ปีนี้ ส่งตลาดหุ้นอินเดียน่าสนใจและเป็นจังหวะเข้าลงทุน
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) กล่าวว่า ล่าสุดหลังจากที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่สามในปีนี้ ที่ -25bps สู่ระดับ 7.25% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสัญญาณทางเศรษฐกิจของอินเดียมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น จากมาตรการปฏิรูปของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจมากขึ้น จากมุมมองดังกล่าวจึงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย
“เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งทางด้านอัตราการเติบโตที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจาก 7.2% ในปี 2014 เป็น 7.5% ในปีนี้ ซึ่งทำให้อินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในโลก และจะเป็นประเทศเดียวที่เศรษฐกิจขยายตัวเกิน 7% ภายในระยะเวลา 5 ปีจากนี้ (2015-2020) ส่วนด้านเสถียรภาพ อินเดียมีปัญหาเงินเฟ้อและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงมาเป็นเวลานาน แต่เริ่มทุเลาลงจากการปรับตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงปีที่ผ่านมา และการปฏิรูปเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลโมดี ซึ่งช่วยให้ธนาคารกลางสามารถดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้มากขึ้น โดยเรามองว่าธนาคารกลางอินเดียยังสามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีกในปีนี้” นายคมศร กล่าว
โดยหลังจากที่รัฐบาลโมดีเข้ามาบริหารประเทศครบหนึ่งปี ถือว่ารัฐบาลอินเดียประสบความสำเร็จในการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านพลังงานและโทรคมนาคม และประสบความสำเร็จจากการเปิดเสรีให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในภาคการเงินมากขึ้น ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวดีที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชียในปีที่ผ่านมา
“ปัจจัยทั้งหมดจะสนับสนุนพื้นฐานทางเศรษฐกิจของอินเดีย โดยเมื่อมองไปข้างหน้า เศรษฐกิจอินเดียยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง และเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง ส่วนตลาดหุ้นอินเดียในปีนี้ คาดว่าผลกำไรรวมของบริษัทจดทะเบียน (Earning growth) จะขยายตัวได้ดีที่ 14% ในปีนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นซื้อขายที่ forward P/E ราว 15 เท่า ซึ่งยังใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาว เราจึงมองว่าตอนนี้โอกาสการลงทุนในหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจ และแนะนำให้เข้าลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสจากการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ” นายคมศรกล่าว